เคาะซื้อ Weekly strategy

[เคาะซื้อฉบับพิเศษ] ศาลการค้าสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ยุติภาษีตอบโต้ทรัมป์ ชี้ว่าเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตและขัดต่อกฎหมาย (29 พ.ค. 68)

By ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ|29 May 25 9:50 AM
เคาะซื้อ_Materials and Template
สรุปสาระสำคัญ

คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ที่ยกเลิกภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด เนื่องจากฝ่ายทรัมป์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลที่สูงขึ้นแล้ว

by INVX Investment Strategy

สถานะปัจจุบันของคดี

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2025 ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (U.S. Court of International Trade) ได้ตัดสินว่า ทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตตามกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) โดยการประกาศภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจเพื่อเก็บภาษีนำเข้าแบบกว้างขวางนั้นไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย และละเมิดหลักการแบ่งแยกอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ศาลได้ออกคำสั่งห้ามถาวร (permanent injunction) ให้ยุติการจัดเก็บภาษีเหล่านี้ และให้ฝ่ายบริหารมีเวลา 10 วันในการดำเนินการทางปกครองเพื่อยกเลิกภาษีดังกล่าว

ขั้นตอนการอุทธรณ์และระยะเวลา

ฝ่ายทรัมป์ได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินนี้ต่อศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลาง (U.S. Court of Appeals for the Federal Circuit) ซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีด้านการค้าระหว่างประเทศแล้ว หากผลการอุทธรณ์ยังไม่เป็นที่พอใจ ฝ่ายทรัมป์ยังสามารถยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาสหรัฐฯ เพื่อขอให้พิจารณาคดีต่อไป

ทั้งนี้ ระยะเวลาในการพิจารณาอุทธรณ์ในศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางอาจใช้เวลาหลายเดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของคดีและตารางเวลาของศาล หากคดีถูกนำขึ้นสู่ศาลฎีกา กระบวนการอาจยืดเยื้อออกไปอีกหลายเดือน

ผลกระทบและข้อจำกัดของคำตัดสิน

คำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศมีผลเฉพาะกับภาษีที่ทรัมป์ประกาศภายใต้กฎหมาย IEEPA เท่านั้น เช่น ภาษี "Liberation Day" ที่เก็บภาษีนำเข้าจากหลายประเทศในอัตราพื้นฐาน 10% รวมถึงจีน แคนาดา และเม็กซิโก โดยทรัมป์อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจในเรื่องการขาดดุลการค้า การลักลอบนำเข้าเฟนทานิล และการอพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งศาลตัดสินว่าการใช้อำนาจดังกล่าวเกินขอบเขตที่กฎหมาย IEEPA กำหนด และละเมิดหลักการแบ่งแยกอำนาจตามรัฐธรรมนูญ

คำตัดสินนี้ไม่กระทบต่อภาษีอื่น ๆ ที่ประกาศภายใต้กฎหมายอื่น เช่น Section 301 ของ Trade Act of 1974 หรือ Section 232 ของ Trade Expansion Act of 1962 ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ โดยภาษีที่ยังไม่ได้ยกเลิก เช่น สหรัฐฯ ยังเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 25% ถึง 50% โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ หรือภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในอัตรา 25% และสินค้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์บางประเภท ซึ่งอาจทำให้ทรัมป์ยังสามารถอ้างกฎหมายดังกล่าวในการเก็บภาษีตอบโต้ต่อได้ในบางรายการ

สรุป

ในแง่มุมมองการลงทุนเราประเมินว่าหุ้นในภาพรวมโดยเฉพาะในประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบหนักจากเรื่องภาษีตอบโต้ เช่น เวียดนาม ไทย จีน ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จะได้รับ sentiment เชิงบวกในช่วงนี้ โดยเฉพาะเวียดนาม ไทย และเกาหลีใต้ เนื่องจากมี valuation ที่ถูกกว่าในเชิง relative นอกจากนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เองก็จะได้ sentiment เชิงบวกเช่นกันโดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Tech ที่ปรับลงแรงก่อนหน้า ประกอบกับหุ้น Nvidia ที่รายงานผลประกอบการดี

อย่างไรก็ดี แนะให้นักลงทุนระมัดระวังการขึ้นรอบนี้ให้มากขึ้น เนื่องจากหุ้นได้ปรับขึ้นมามากสะท้อนในเรื่อง De-escalation ไปพอควรแล้ว และคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศที่ยกเลิกภาษีตอบโต้ของทรัมป์ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด สะท้อนความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ เนื่องจากฝ่ายทรัมป์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลที่สูงขึ้นแล้ว กระบวนการอุทธรณ์อาจใช้เวลาหลายเดือนถึง 1 ปี หรือมากกว่านั้น หากคดีถูกนำขึ้นสู่ศาลฎีกา ในระหว่างนี้ คำสั่งห้ามถาวรของศาลยังคงมีผลบังคับใช้ และฝ่ายบริหารต้องดำเนินการตามคำสั่งของศาลภายใน 10 วัน อีกทั้ง ยังมีประเด็นด้านภาระทางการคลังที่สะท้อนปัญหาระยะยาวของสหรัฐฯ เช่นกัน

โดยสรุปเราประเมินว่าหุ้นโลกจะตอบสนองเชิงบวกต่อข่าวนี้ในระยะสั้น โดยในระยะกลางยังคาดว่าหุ้น Ex-US หรือหุ้นในกลุ่ม EM จะสามารถ perform ได้ดีกว่าหุ้นสหรัฐฯ (ดังที่ได้เกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ต้นปี)

Author
DR RHATSARUN TANAPAISANKIT
ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ

Head of Investment Strategy & Trading Product Specialist

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5