สวัสดีตอนเช้า - ไซด์เวย์ รอความชัดเจนภาษี

 ไซด์เวย์ รอความชัดเจนภาษี

 

ประเด็นสำคัญ

• ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศเก็บภาษีนำเข้าทองแดง 50% จะเริ่มในช่วงสิ้นเดือน ก.ค. หรือไม่เกิน 1 ส.ค. 2568 คาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้
• ปธน. ทรัมป์เผยว่าจดหมายแจ้งถึงแต่ละประเทศคู่ค้าจะถูกทยอยส่งออกไปในช่วงต่อจากนี้ และไม่มีการยืดระยะเวลาบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรจะเริ่มในวันที่ 1 ส.ค.โดยไม่ผ่อนผันหรือยกเว้น
• สรท. มองการที่ไทยโดนภาษีตอบโต้ 36% จะสร้างความเสียหายสูงและติดลบอย่างแน่นอนใน 2H68 เนื่องจากคู่แข่งสำคัญในภูมิภาค เช่น เวียดนามและมาเลเซีย โดนภาษีในอัตราที่ต่ำกว่า ด้าน ส.อ.ท. ประเมินการส่งออกไทยจะเสียหายราว 8-9 แสนลบ. 
• รมช. คลังเผยรัฐบาลยังมีเม็ดเงินกระตุ้น ศก. อีก 4-5 หมื่นลบ. จากวงเงินทั้งหมด 1.57 แสนลบ. สำหรับออกมาตรการเพื่อดูแลผู้ประกอบการที่คาดจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ อัตรา 36% ส่วนรายละเอียดการใช้และจะใช้เมื่อไรต้องรอให้กระบวนการเจรจาการค้าแล้วเสร็จก่อน 
• ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการกำหนดค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ครอบคลุมทุกสายทั่ว กทม. และปริมณฑล โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” ใน ส.ค. นี้ และจะเริ่มต้นมาตรการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป 
• รมว.ท่องเที่ยวฯ เผยจำนวน นทท. จีนฟื้นตัว 26.9%WoW และขึ้นสู่อันดับหนึ่งจากการเข้าสู่ช่วงปิดภาคเรียนในจีนส่วน นทท. จากตลาดระยะไกลเพิ่มขึ้น 19.5%WoW เนื่องจากเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในยุโรปและออสเตรเลีย ขณะที่มาเลเซียและอินเดียชะลอตัวลง ทำให้จำนวน นทท. สะสมปีนี้ที่ 17.18 ล้านคน ลดลง 5.1%YoY 

 

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดยแม้มองปัจจัยการเมืองในประเทศจะยังไม่มีแรงกดดันเพิ่มในช่วงสั้น เพราะยังต้องรอผลการตัดสินขั้นสุดท้ายของศาลรัฐธรรมนูญหลังจากที่มีมติให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ตลาดน่าจะกำลังติดตามความเสี่ยงเรื่องอัตราภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ ที่ประกาศเรียกเก็บจากประเทศคู่ค้าซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. โดยสำหรับไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียน ซึ่งทำให้ไทยมีโอกาสสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ดีเราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยกลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET แกว่งตัวผันผวน กังวลไทยถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรอัตรา 36% สูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญในกลุ่มอาเซียน ซึ่งจะทำให้ไทยมีโอกาสสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earning Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ 3Q68 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ ADVANC BCH CBG CPALL SCCC 
2. หุ้น Defensive ที่ผันผวนต่ำและผลการดำเนินงานต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ (ผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายในและภายนอก) อีกทั้งยังมีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BCH DIF 
3. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SETESG Rating A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT 
4. Trading Idea: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้น Undervalue (PER และ PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BCPG BDMS CPALL DIF PTT SIRI TIDLOR 2) หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวไทย แนะนำ ERW CENTEL AAV และ 3) หุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็วหากเชื่อว่าการเจรจาจะทำให้สหรัฐพิจารณาปรับลดภาษีไทยลงมาอยู่ที่ระดับ 20% หรือต่ำกว่า แนะนำ AMATA GPSC WHA

 

Daily top picks

CENTEL: ราคาหุ้นได้รับปัจจัยกระตุ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเริ่มฟื้นตัว 27%WoW กราฟเทคนิคดี และโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” จะกลับมาเปิดลงทะเบียนรับสิทธิ์ใหม่ภายใน 2 วัน ในขณะที่ผ่านมาการดำเนินงานโรงแรมในประเทศไทยและญี่ปุ่นแข็งแกร่ง และราคาปรับตัวลงตอบสนอง 2Q68 ซึ่งเป็นโลว์ซีซันไประดับหนึ่งแล้ว

 

CPALL: มองราคาหุ้นได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดจำกัด คาดว่า กำไรปกติ 2Q68 อยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +9% YoY จากการฟื้นตัวของธุรกิจ CVS และ CPAXT และปี 2568 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มที่ 15%YoY และซื้อขาย PER 2568F ที่ 14 เท่า ส่วนการประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน (ไม่เกิน 1.67% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. - 14 พ.ย. 2568 จะช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น

 

To move sideways, watch US tariff

The SET is expected to move sideways with supports at 1110/1100-1095 and resistances at 1122/1128, waiting for clarification on tariff rate. The index has reflected the 36% rate to some extent on Thailand, and there are hopes of further negotiation after the deadline was moved ahead by three weeks to Aug 1.

 

Today’s highlights

• Trump is preparing to announce a 50% tariff on copper imports to begin in late July or no later than August 1, 2025. An official announcement is expected soon.
• Trump said notification letters to trading partners will be sent out from this point forward, and there will be no extension of the enforcement period - the tariff measures will begin on Aug 1 without any leniency or exemptions.
• TNSC views Thailand attracting a 36% retaliatory tariff as highly damaging and definite negative impact in 2H25, as key regional competitors like Vietnam and Malaysia face lower tariff rates. FTI estimates losses Bt800-900bn.
• The Deputy Minister of Finance said the government still has 
Bt40-50bn in economic stimulus funds remaining from the budget of Bt157bn to implement measures to support those expected to be affected by the 36% tariff. Details will have to wait for trade negotiations to be completed first.
• The Cabinet approved a measure setting rapid transit train fares at Bt20 for all lines covering all routes throughout Bangkok and surrounding areas. Registration for benefits will open through the government app in Aug, and will begin on Oct 1.
• The Minister of Tourism and Sport reports Chinese tourist numbers recovered 26.9% WoW and rose to first place as China enters its school break, while tourists from long-haul markets increased 19.5% WoW as long holidays start in Europe and Australia. Meanwhile, arrivals in Malaysia and India slowed down, bringing cumulative tourist numbers this year to 17.18mn, down 5.1% YoY.

 

Strategy today

In the short term the SET is expected to move sideways and fluctuate. Although in the short term domestic politics is not a pressure, awaiting a verdict from the Constitutional Court after suspending the PM, the market is expected to weigh on risk regarding uncertainty of US tariffs. The US has started notifying its trading partners, and new tariff will take effect from Aug 1. Thailand is hit with 36% rate, higher than competitors in ASEAN, which will cause Thailand to lose competitiveness. However, we see an index at below 1100 and 2025F PER lower than 12x as suitable for accumulation for medium- to long-term investors. Our investment strategy remains "Selective Buy".

 

Trading today

The SET is expected to move sideways on concerns of US levying 36% tariffs, higher than ASEAN competitors, and Thailand may lose competitiveness. Our investment strategy is for "selective buy" in three main themes and three trading themes with specific positives:
1. Earnings plays whose profits are expected to grow strongly, with 2Q25 core profit up YoY and QoQ, and expected to grow YoY in 3Q25 – ADVANC, BCH, CBG, CPALL and SCCC.
2. Defensive stocks with low volatility, sheltered from external risks as well as from domestic uncertainties, while paying consistent dividends – ADVANC, BCH and DIF.
3. High-quality dividend stocks (SET50 with SETESG rating higher than A) to generate short term cash flow, expected to pay an interim dividend on 1H25 with dividend yield higher than 2% - ADVANC, BBL and PTT.
4. Trading idea: For high-risk-takers who want to speculate: 1) Undervalued stocks (PER and PBV < -1SD) on which we recommend Outperform, with expected dividend yield of at least 3% - BBL, BCPG, BDMS, CPALL, DIF, PTT, SIRI and TIDLOR; 2) companies expected to benefit from tourism stimulus programs – ERW CENTEL AAV; and 3) companies that recover rapidly if expecting US will adjust tariff to Thailand down to 20% or lower – AMATA, GPSC and WHA.

 

Daily top picks

CENTEL: Price has catalyst from a 27% recovery in Chinese tourists WoW and the tourism stimulus program, which will reopen for registration in two days. Operations of hotels at home and in Japan are strong, while the price has already declined to accommodate the low season in 2Q25.

CPALL: Price is seen to have limited impact from market fluctuations. We expect 2Q25 profit to grow YoY and 2025 profit to grow 19% (vs peers at 5%). The stock is trading at a 2025F PER of 16x (peers at 17x). Its stock repurchase program (not higher than 1.67% of listed shares) running from May 16–Nov 14, 2025, limits downside.

 

Download EN version click >  Daily250709_E.pdf