ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ปิดผสม เนื่องจากนักลงทุนกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นและนโยบายภาษี ซึ่งส่งผลต่อการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed และความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นและพันธบัตร ขณะเดียวกัน ฤดูกาลประกาศผลประกอบการก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องจับตา
กระแสเงินในวันที่ 14 ก.ค. 2025 พบว่า 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน 2) มีแรงขายในกลุ่ม Healthcare 3) มีแรงซื้อกลุ่มการเงิน 4) มีแรงซื้อในโลหะมีค่าค่อนข้างจำกัด 5) มีแรงซื้อในตลาดหุ้นโลก 6) มีแรงซื้อในตลาดหุ้นจีน โดยคาดหวังว่าการเจรจาภาษีจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ภาพรวมงบ 2Q25 ธนาคารใหญ่ แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของธุรกิจตลาดทุน นอกจากนี้ JPM ปรับเพิ่มแนวทาง NII สำหรับทั้งปี และมองว่ากิจกรรมตลาดทุนจะดีอยู่ในครึ่งปีหลัง C คาดว่าจะซื้อหุ้นคืนอย่างน้อย 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาส 3 WFC ปรับลดแนวโน้มรายได้ดอกเบี้ยสุทธิสำหรับทั้งปี มองการย่อตัว JPM เป็นจังหวะการเข้าซื้อ
ผลประกอบการไตรมาสสองของธนาคารขนาดเล็ก (STT, BNY) สะท้อนการจัดการต้นทุนได้แย่กว่าธนาคารขนาดใหญ่ โดยรวม BNY ทำผลงานได้ดีกว่า STT ทั้งในด้านรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และการควบคุมการใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม เรามองว่าภาพรวมธนาคารขนาดเล็กมีปัญหาการจัดการค่าใช้จ่าย เรายังชอบธนาคารขนาดใหญ่อย่าง JPM มากกว่า
หุ้นเทคฯ ปรับขึ้นต่อเนื่องหลัง 1) กลุ่มเทคฯ เช่น ORCL GOOGL AAPL ลงทุนเพื่อเสริมความแกร่งและตอบสนองต่ออุปสงค์ AI ที่โต 2) NVDA ได้รับอนุมัติจากทางการสหรัฐฯในการส่งออกชิป H20 ไปยังจีนอีกครั้ง ด้าน AMD กำลังรอการอนุมัติ ซึ่งเรามองบวกต่อประเด็นนี้หลังจะช่วยหนุนให้มีรายได้จากจีนอีกครั้ง (13% ของรายได้ทั้งหมดใน FY25)
Robotaxi มีพัฒนาการเชิงบวก โดย 1) จีน: Baidu และ Uber เตรียมเปิดตัวบริการในเอเชียและตะวันออกกลางภายในปีนี้ ซึ่งเรามองเป็นบวกต่อ Uber มากกว่าและแนะมอง Pure-Play อย่าง DIDI, Pony AI 2) สหรัฐฯ: Waymo เผยปัจจุบันได้ขับเคลื่อนอัตโนมัติครบ 100 ล้านไมล์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 10 เท่าจากเมื่อสองเดือนก่อน สะท้อนการเป็นผู้นำตลาดในสหรัฐฯ
ยอดค้าปลีกจีนและตลาดสมาร์ทโฟนชะลอตัวในเดือนมิถุนายน สะท้อนการฟื้นตัวผู้บริโภคที่ยังเปราะบาง กลุ่มแบรนด์เสื้อผ้า-สปอร์ตแวร์ยังเผชิญแรงกดดัน ขณะที่ Xiaomi เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายเดียวใน Top 5 ที่มียอดขายเติบโตต่อเนื่อง คาดทำให้งบ 2Q25
Xiaomi ยังเห็นเติบโตต่อเนื่องแนะซื้อเมื่อเราคาย่อตัวลง
จีนเปลี่ยนแนวทางพัฒนาเมืองจากการขยายตัวรวดเร็วสู่การพัฒนาเชิงคุณภาพและยั่งยืน เราประเมินนโยบายใหม่นี้ไม่น่าจะช่วยพยุงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้น ส่งผลให้หุ้นอสังหาฯ ร่วงจากความผิดหวังในมาตรการกระตุ้น เราแนะหลีกเลี่ยงกลุ่มอสังหาฯ และติดตามนโยบายใหม่ช่วงปลายเดือน ก.ค.