ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ตลาดให้น้ำหนักกับผลประกอบการบริษัทใหญ่และตัวเลขเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้มากกว่าความเสี่ยงด้านภาษี
กระแสเงินในวันที่ 11 ก.ค. 2025 พบว่า 1) กระแสเงินในตราสารหนี้ผันผวน 2) มีแรงขายในกลุ่ม Healthcare 3) มีแรงขายในตลาดยุโรป 4) มีแรงซื้อในโลหะมีค่าค่อนข้างจำกัด 5) มีแรงซื้อในตลาดหุ้นโลก 6) มีแรงซื้อในตลาดหุ้น EM โดยคาดหวังว่าการเจรจาภาษีจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
EU เตรียมมาตรการตอบโต้รอบสองต่อภาษีของสหรัฐฯ ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐ มูลค่า $84,000 ล้าน ครอบคลุมทั้งเครื่องบิน Boeing, รถยนต์, Bourbon รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร เรายังมอง Airbus น่าสนใจกว่า Boeing ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรอง และมีปัญหาเฉพาะตัวอย่าง Air India ตก
Pentagon ให้สัญญากับบริษัทพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำ 4 แห่งของสหรัฐฯ ได้แก่ Google, OpenAI, xAI และ Anthropic PBC นอกจากนี้ ยังลงทุนในผู้ผลิต Rare Earth โดยเข้าซื้อหุ้น 15% ของ MP Materials เพื่อลดการพึ่งพาจากจีน สะท้อนแนวโน้มการลงทุนธีม Defense เพิ่มขึ้นต่อเนื่องของสหรัฐฯ และเรายังมองเป็นบวกต่อ LTM, RTX
ทรัมป์เตรียมประกาศลงทุนมูลค่า $70bn ในด้าน AI และพลังงานในรัฐเพนซิลเวเนีย โดยเน้นพัฒนา Data center ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ AMZN และ META ที่ยังลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งภาพนี้เราเชื่อว่ากลุ่มที่ได้ประโยชน์คือ NVDA AMD TLN CEG
TSLA มีพัฒนาการเชิงบวกในด้านธุรกิจ EV โดย 1) Musk เตรียมนำ Grok ของ xAI มาพัฒนา EV และมีแนวโน้มนำ TSLA ลงทุน xAI 2) เข้าตลาดอินเดียอย่างเป็นทางการในวันนี้และจะเริ่มนำเข้าที่รุ่น Model Y ขณะที่เรามองยังเก็งกำไรบน TSLA ได้ในช่วงประกาศงบ 2Q25 หลังมอง 1Q25 Bottom แล้วและ 2Q25 จะฟื้น QoQ
จีนเริ่มควบคุมสงครามราคาและกำลังผลิตส่วนเกินในหลายอุตสาหกรรม เพื่อหนุนหนุนราคาขาย-มาร์จิ้นดีขึ้นในระยะยาว เราประเมินกลุ่ม EV แบตเตอรี่ โซลาร์ และวัสดุพื้นฐานน่าจะได้ประโยชน์ เช่น BYD, CATL, Longi, Xinyi, Sungrow
BYD เร่งขยายตลาดในซาอุฯ คาดขายรถได้กว่า 5,000 คันในปีนี้ ขณะเดียวกันยังได้ร่วมมือกับ BHP พัฒนาแบตเตอรี่และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ สะท้อนกลยุทธ์ขยายธุรกิจนอกจีนเพื่อลดความเสี่ยงจากการแข่งขันในประเทศ มองราคาหุ้น BYD ที่อ่อนตัว 100-120HKD เป็นโอกาสเข้าซื้อสะสม