1. ตลาดหุ้นร่วง ทองคำพุ่ง หลังทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดา
2. EU เตรียมรับมือจดหมายภาษีจากทรัมป์ ขณะที่ตลาดย่อยข้อมูลมาตรการภาษีล่าสุด
3. เศรษฐกิจอังกฤษหดตัว หนุน BoE ลดดอกเบี้ย
4. Bitcoin พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่จากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน
5. CEO ของ Nvidia เตรียมพบทรัมป์ก่อนเดินทางไปจีน
6. การเลือกตั้งญี่ปุ่นอาจเป็นอุปสรรคต่อการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ
7. ธปท. มอง Reciprocal Tariff กระทบส่งออกครึ่งหลังปี 68 หดตัว 4%
8. ไทยเตรียมเจรจาสหรัฐฯ พร้อมประชุมกับคณะที่ปรึกษาที่บ้านพิษณุโลก
Bites for Breakfast
By INVX Investment Strategy
14 July 2025
1. ดัชนีหุ้นหลักปิดลบเล็กน้อยหลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดา 35% ซึ่งสร้างความกังวลเรื่องความตึงเครียดทางการค้า โดย Dow Jones ลดลง 0.63% ในขณะที่ S&P 500 และ Nasdaq ลดลงราว 0.3% เงินดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลง 0.25% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนยังเตรียมรับมือกับการประกาศเก็บภาษีกับ EU ซึ่งอาจนำไปสู่การตอบโต้และเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาด ทรัมป์ยังวางแผนเก็บภาษี 15-20% กับประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ ด้าน Bitcoin แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $117,946 ขณะที่ทองคำพุ่ง 1% เนื่องจากนักลงทุนหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัย เรายังคงแนะนำนักลงทุนซื้อสะสมทองคำผ่านกองทุน UOBSG-H ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านการค้าที่อยู่ในระดับสูง
2. สหภาพยุโรปเตรียมรับมือจดหมายจากประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับภาษีนำเข้าที่อาจประกาศใช้กับ EU ซึ่งเป็นพันธมิตรการค้าและการลงทุนรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ หลังจากที่ทรัมป์ได้ขยายสงครามภาษีในช่วงที่ผ่านมา โดยประกาศภาษีกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และแคนาดา ทำให้รายได้จากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ พุ่งเกิน 100 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณนี้ ด้าน EU อยู่ภายใต้แรงกดดันที่ขัดแย้งกัน โดยเยอรมนีเรียกร้องให้เร่งทำข้อตกลงเพื่อปกป้องอุตสาหกรรม ขณะที่ฝรั่งเศสไม่ต้องการให้ยอมจำนนต่อข้อตกลงฝ่ายเดียว EU ได้เตรียมมาตรการตอบโต้มูลค่า 21 พันล้านยูโรไว้แล้ว
3. GDP อังกฤษหดตัว 0.1% ในเดือนพฤษภาคม ต่อเนื่องจากการลดลง 0.3% ในเดือนเมษายน ขัดกับคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะเติบโต 0.1% โดยการลดลงของภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้างหักล้างการเติบโตเล็กน้อยในภาคบริการ ข้อมูลนี้เพิ่มความคาดหวังว่า Bank of England จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคม แม้เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเร็วๆ นี้ ทั้งนี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ BoE จะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นอังกฤษในระยะถัดไป เรายังคงแนะนำนักลงทุนซื้อสะสมกองทุน ES-EG-A ที่มีการลงทุนในหุ้นอังกฤษ และยุโรป
4. Bitcoin ทะยานขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $116,781.10 ในช่วงเช้าวันศุกร์ที่เอเชีย เพิ่มขึ้นกว่า 24% ในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากความต้องการของนักลงทุนสถาบันและนโยบายสนับสนุน Crypto ของรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งในเดือนมีนาคม ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งจัดตั้ง strategic reserve ของ cryptocurrency และแต่งตั้งบุคคลที่สนับสนุน crypto ในตำแหน่งสำคัญ นอกจากนี้ธุรกิจครอบครัวทรัมป์ยังเข้าสู่วงการ crypto โดย Trump Media & Technology Group วางแผนเปิดตัว ETF เพื่อลงทุนใน crypto tokens รวมถึง Bitcoin ด้าน Ether ก็พุ่งขึ้นเกือบ 5% แตะระดับ $2,956.82
5. Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia มีกำหนดพบประธานาธิบดีทรัมป์ที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดี ก่อนเดินทางไปจีนในวันถัดไป ขณะที่มูลค่าตลาดของ Nvidia เพิ่งปิดเหนือระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก ทั้งนี้ Huang เคยวิจารณ์มาตรการควบคุมการส่งออกที่รัฐบาลทรัมป์บังคับใช้เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งทำให้ Nvidia ไม่สามารถขายชิป H20 ที่ออกแบบสำหรับตลาดจีนได้ ส่งผลให้บริษัทสูญเสียรายได้ 2.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก และคาดว่าจะสูญเสียถึง 8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สอง
6. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจเผชิญแรงกดดันทางการเมืองให้คงดอกเบี้ยต่ำนานกว่าที่ต้องการ หลังการเลือกตั้ง 20 กรกฎาคม คาดว่าพรรคฝ่ายค้านที่สนับสนุนการลดภาษีและนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายจะมีอิทธิพลมากขึ้น โดยผลสำรวจชี้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลของนายกฯ อิชิบะอาจสูญเสียเสียงข้างมากในสภาสูง ทำให้ต้องร่วมมือกับพรรคเล็กที่ผลักดันนโยบายการคลังและการเงินแบบผ่อนคลาย ซึ่งอาจส่งผลให้ bond yield พุ่งสูงขึ้นและทำให้ BOJ ยากที่จะปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ
7. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่ามาตรการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ ที่จะมีผลกับไทยตั้งแต่ 1 ส.ค. 2568 จะกระทบการส่งออกไทยในครึ่งหลังปี 2568 ให้ติดลบ 4% และปี 2569 ติดลบต่อเนื่อง 2% โดยผลกระทบนี้จะไม่รุนแรงแบบช็อกเหมือนช่วงโควิด แต่จะค่อยๆ กดดันเศรษฐกิจไทยในระยะยาวโดยเฉพาะภาคส่งออกและการลงทุน ขณะที่ ธปท. มองว่าควรผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อรองรับความไม่แน่นอน และพร้อมปรับนโยบายหากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทั้งยังต้องเร่งมาตรการช่วยเหลือ SMEs และปรับมาตรฐานการนำเข้าสินค้าเพื่อรับมือสินค้าต่างประเทศทะลักเข้าไทย
8. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับจดหมายจากประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเป็นการขยายเวลาการเจรจาทางการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ ไปจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2025 หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ทันเส้นตายนี้ ขณะเดียวกัน มีการประชุมร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องและคณะที่ปรึกษาที่บ้านพิษณุโลก เพื่อสรุปผลกระทบต่อแต่ละอุตสาหกรรมและกำหนดมาตรการรองรับ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลของภาคเอกชนและแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
ประเด็นที่ต้องติดตาม: การผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เดือน พ.ค. MoM ตลาดคาด 0.5% ก่อนหน้าที่ 0.5% และ สินเชื่อใหม่ของจีนเดือน มิ.ย. ตลาดคาด 1,960 พันล้านหยวน ก่อนหน้าที่ 620 พันล้านหยวน