1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ชะลอตัวใกล้จุดสูงสุด - นักวิเคราะห์ปรับเป้า S&P 500 ขึ้น
2. ทรัมป์ย้ำเก็บภาษี 1 ส.ค. ไม่มีขยายเวลา – เตรียมเก็บภาษีนำเข้าทองแดง 50%
3. พันธบัตรญี่ปุ่น 30 ปีทะลุ 3% – ตลาดเริ่มเทขายหนัก หวั่นการคลังสั่นคลอนยืดเยื้อ
4. กรรมการ BOJ คนใหม่ส่งสัญญาณอาจปรับคาดการณ์เงินเฟ้อญี่ปุ่นขึ้น
5. RBA เซอร์ไพร์สคงดอกเบี้ยนโยบาย – ชี้ยังอยู่ในวัฏจักรผ่อนคลาย
6. Apple ปรับทีมบริหาร – COO Jeff Williams เตรียมเกษียณ, Sabih Khan ขึ้นแทน
7. Samsung กำไรร่วงหนัก เซ่นขาดทุนสินค้าคงคลังชิป AI หลังสหรัฐฯ คุมส่งออกจีน
8. รัฐบาลไทยเตรียมวงเงิน 5 หมื่นล้านรับมือภาษีสหรัฐฯ – เคาะมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาท เริ่ม 1 ต.ค.
Bites for Breakfast - เรื่องต้องรู้ ก่อนเทรด วันนี้ 9 ก.ค. 2568
1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งตัวใกล้จุดสูงสุด หลังทรัมป์ย้ำไม่เลื่อนเส้นตาย 1 ส.ค. ในการเก็บภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ พร้อมเสนอเก็บภาษีทองแดง 50% ดันราคาทองแดงพุ่ง ส่วนพันธบัตรร่วง ดันบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ 30 ปี ใกล้ 5% ขณะที่ทองคำร่วง 1% และ Amazon เผชิญยอดขาย Prime Day ลดลง 14% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ด้านนักกลยุทธ์ยังมองบวกต่อหุ้น โดย Goldman Sachs และ BofA ต่างปรับเป้าดัชนี S&P 500 ขึ้น
2. ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันบนแพลตฟอร์ม Truth Social ว่า จะไม่ขยายเวลาการเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ครอบคลุมสินค้านำเข้าจากกว่า 50 ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเมียนมา ซึ่งถูกตั้งอัตรา 25–40% ขณะเดียวกัน ทรัมป์ประกาศแผนตั้งภาษีนำเข้าทองแดง 50% ส่งผลให้ราคาทองแดงในนิวยอร์กพุ่ง ภายในวันสูงสุดในรอบกว่า 35 ปี ด้านภาษีสินค้ากลุ่มยารักษาโรค ทรัมป์ระบุว่าจะให้เวลา 1 ปี แก่บริษัทย้ายฐานการผลิตกลับมาสหรัฐฯ ก่อนใช้ภาษีขั้นสูงถึง 200%
3. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 30 ปีพุ่งแตะ 3.055% ทะลุระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 3% และใกล้จุดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 3.185% นักลงทุนเทขายต่อเนื่องจากความกังวลการเมืองก่อนเลือกตั้งวุฒิสภาปลายเดือน ก.ค. และความไม่แน่นอนของนโยบายการคลัง โดยเฉพาะแผนออกพันธบัตรเพิ่มเติมรองรับมาตรการแจกเงินรับมือผลกระทบภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ค่าเงินเยนอ่อนใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่ตลาดจับตาการประมูลพันธบัตร 20 ปีในวันพฤหัสนี้ว่าอาจเพิ่มแรงเทขายอีกหรือไม่ นักวิเคราะห์จาก Meiji Yasuda ประเมินว่า yield อาจแตะ 3.3% ในปี 2026 หากความเสี่ยงการคลังไม่คลี่คลาย
4. Junko Koeda กรรมการใหม่ของ BOJ ส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาด โดยเฉพาะราคาข้าว อาจนำไปสู่การปรับประมาณการเงินเฟ้อในการประชุมปลายเดือนนี้ ซึ่งอาจเปิดทางให้ BOJ ขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เธอยังระบุว่าความไม่แน่นอนจากภาษีสหรัฐฯ ยังสูง จึงต้องประเมินข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
5. ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) คงดอกเบี้ยที่ 3.85% สวนทางคาดการณ์ตลาด โดยผู้ว่าการ Bullock ชี้ยังอยู่ในวัฏจักรผ่อนคลาย แต่รอดูเงินเฟ้อให้ชัดก่อนลดดอกเบี้ยอีกครั้ง การตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลให้ค่าเงิน AUD แข็งค่า และตลาดเลื่อนคาดการณ์ลดดอกเบี้ยไปต้นปี 2026 ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาความเสี่ยงจากภาษีใหม่ของทรัมป์ แม้ออสเตรเลียโดนเพียง 10% แต่ผลกระทบต่อจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าหลักอาจส่งผลทางอ้อมต่อเศรษฐกิจออสเตรเลีย
6. Apple ประกาศว่า Jeff Williams หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ซึ่งเป็นเบอร์สองของบริษัท จะเกษียณภายในปีนี้ โดย Sabih Khan ผู้ดูแลซัพพลายเชนมายาวนานจะรับตำแหน่งแทน และรายงานตรงถึง CEO Tim Cook การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีการค้า ปัญหาการเติบโตของ iPhone และการแข่งขันด้าน AI ที่ Apple ยังตามหลังคู่แข่ง นักวิเคราะห์มองว่า Khan ซึ่งขึ้นจากสายงานปฏิบัติการแบบเดียวกับ Cook จะนำความต่อเนื่องมาให้บริษัท
7. Samsung รายงานกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 2/2025 ลดลง 56% เหลือ 4.6 ล้านล้านวอน ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ สาเหตุหลักมาจากการตัดมูลค่าสินค้าคงคลังชิป AI ที่ส่งออกไปจีนไม่ได้ หลังถูกสหรัฐจำกัดการส่งออก อีกทั้ง ยังเสียส่วนแบ่งตลาด HBM ให้ SK Hynix และ Micron ที่สามารถส่งมอบชิปรุ่นใหม่ได้เร็วกว่า อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่ากำไรน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว และคาดหวังการฟื้นตัวในครึ่งปีหลังจากดีมานด์ที่กลับมา ขณะเดียวกัน Samsung เดินหน้าผลิต HBM3E และ HBM4 หวังทวงคืนพื้นที่ตลาดชิป AI
8. รมช.คลังของไทยเผยรัฐบาลยังมีงบกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 4–5 หมื่นล้านบาท จากกรอบรวม 1.57 แสนล้านบาท เตรียมรองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ตั้งไว้สูงถึง 36% โดยจะพิจารณาใช้เมื่อการเจรจาการค้าแล้วเสร็จ ขณะเดียวกัน ครม. เห็นชอบมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ครอบคลุมทุกสายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยให้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” ได้ในเดือน ส.ค. และเริ่มใช้งานตั้งแต่ 1 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป
ประเด็นที่ต้องติดตาม: CPI YoY ของจีน เดือน มิ.ย. คาดว่าจะออกมาที่ -0.1% จากก่อนหน้าที่ -0.1% และ PPI YoY ของจีน เดือน มิ.ย. คาดว่าจะออกมาที่ -3.2% จากก่อนหน้าที่ -3.3%
