1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว นักลงทุนจับตาผลประกอบการและการเจรจาภาษีสหรัฐ-จีน
2. ดอลลาร์ฟื้นตัวหลังเบสเซนท์คาดการณ์การผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐ-จีน
3. ประธาน Fed มินนีแอโพลิสยืนยันความเป็นอิสระของ Fed มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ
4. ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
5. ทรัมป์ยืนยันไม่มีแผนปลด Powell
5 ประเด็นสำคัญที่คุณต้องรู้ สำหรับวันนี้ (23 เมษายน 2025)
1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวจากการเทขายในวันก่อนหน้า โดยนักลงทุนให้ความสำคัญกับผลประกอบการบริษัท ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าหลังรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ คาดการณ์การผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้ากับจีน ดัชนี Dow Jones เพิ่มขึ้น 2.66%, S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.51% และ Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.71% IMF ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของสหรัฐฯ จีน และประเทศส่วนใหญ่ เนื่องจากผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ
2. ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวหลังรัฐมนตรีคลังสก็อตต์ เบสเซนท์ คาดการณ์ว่าจะมีการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยระบุว่าทั้งสองฝ่ายเห็นว่าสถานะปัจจุบันไม่ยั่งยืน ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่าความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของ Fed ยังคงกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
3. นีล คาชคารี ประธาน Fed มินนีแอโพลิส ยืนยันว่าความเป็นอิสระของ Fed มีความสำคัญต่อผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่ดี ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อเจอโรม พาวเวลล์ เขายังระบุว่ายังเร็วเกินไปที่จะตัดสินทิศทางอัตราดอกเบี้ย และการเพิ่มขึ้นของ Treasury Yields พร้อมกับการอ่อนค่าของดอลลาร์บ่งชี้ว่านักลงทุนกำลังประเมินการตัดสินใจลงทุนในสหรัฐฯ ใหม่
4. ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ของสหรัฐฯ, Brent เพิ่มขึ้น 1.8% ปิดที่ 67.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน WTI เพิ่มขึ้น 2% ปิดที่ 64.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่อาจผ่อนคลายลงช่วยหนุนตลาด แม้ IMF จะปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเนื่องจากผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ
5. ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่าไม่มีแผนปลด Jerome Powell ประธาน Fed แม้จะยังคงวิจารณ์นโยบายอัตราดอกเบี้ย ตลาดหุ้นตอบรับเชิงบวกต่อการลดความตึงเครียด ทรัมป์ยังแสดงความเชื่อมั่นว่าข้อตกลงการค้ากับจีนจะนำไปสู่การลดภาษี "อย่างมาก" แม้จะไม่เป็นศูนย์ ตลาดการเงินคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed 3 ครั้งภายในสิ้นปีนี้
ประเด็นที่ต้องติดตาม: HCOB Manufacturing PMI Flash ของยุโรป เดือน เม.ย. คาดว่าจะรายงานออกมาที่ 47.5 จากช่วงก่อนหน้าที่ 48.6 และ S&P Global Manufacturing PMI Flash ของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คาดว่าจะรายงานออกมาที่ 49.5 จากช่วงก่อนหน้าที่ 50.2
