
SoftBank Group ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1981 โดย Masayoshi Son ภายใต้แนวคิดธนาคารซอฟต์แวร์ เพื่อสร้างสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งเริ่มจากธุรกิจจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์และก้าวเข้าสู่ยุคอินเทอร์เน็ตด้วยการลงทุนใน Yahoo! Japan และหุ้นใน Alibaba Group ก่อนจะขยายสู่ธุรกิจโทรคมนาคม จากนั้นเมื่อโลกเข้าสู่ยุค AI SoftBank ได้เข้า ซื้อ Arm Holdings และตั้ง Vision Fund เพื่อสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก รวมถึงเปิดตัวโครงการ Stargate Project ร่วมกับ OpenAI เพื่อพัฒนา AI เชิงองค์กร ทำให้ SoftBank เปลี่ยนบทบาทจากผู้ให้บริการโทรคมนาคมในญี่ปุ่นมาเป็น Vision Capitalist ที่มุ่งลงทุนในเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างชัดเจน
โครงสร้างธุรกิจของ SoftBank แบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก: ส่วนแรกคือธุรกิจ SoftBank Segment ซึ่งสร้างรายได้กว่า 90 % โดยมุ่งพัฒนาเครือข่ายดิจิทัลครบวงจรเริ่มจากโทรคมนาคมและขยายสู่ธุรกิจโฆษณา e-commerce (เช่น Yahoo! Japan, LINE) และบริการ FinTech อย่าง PayPay ซึ่งกลับมาทำกำไรได้ ส่วนที่สองคือธุรกิจ Arm ซึ่งคิดเป็นราว 8 % ของรายได้ โดยมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ AI ผ่านการออกแบบชิปและจำหน่ายสิทธิบัตรให้ผู้ผลิตทั่วโลก ทำให้ SoftBank อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของห่วงโซ่การประมวลผลยุคใหม่ของ AI
ประวัติและความเป็นมาของ SoftBank Group
SoftBank Group ก่อตั้งขึ้นในปี 1981 โดย Masayoshi Son ด้วยแนวคิดเป็น “ธนาคารซอฟต์แวร์” เพื่อสร้างสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Information Society) จุดเริ่มต้นจากการจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ได้ขยายสู่ยุคอินเทอร์เน็ต ด้วยการลงทุนใน Yahoo! Japan และการถือหุ้นใน Alibaba ที่กลายเป็นหนึ่งในดีลลงทุนประวัติศาสตร์ของโลก ทศวรรษต่อมา SoftBank ก้าวสู่ธุรกิจโทรคมนาคม ผ่านการซื้อกิจการ Vodafone Japan และ Sprint
เมื่อโลกเข้าสู่ยุค AI SoftBank ได้เข้าซื้อ Arm Holdings และก่อตั้ง Vision Fund กองทุนเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อสนับสนุนบริษัทที่เปลี่ยนแปลงอนาคต ล่าสุดในปี 2025 บริษัทเปิดตัว Stargate Project และร่วมมือกับ OpenAI เพื่อพัฒนา AI เชิงองค์กร
SoftBank จึงพลิกโฉมจากบริษัทโทรคมนาคมญี่ปุ่น กลายเป็น "Vision Capitalist” ที่มุ่งมั่นลงทุนในเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยเฉพาะ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อขับเคลื่อน การปฏิวัติความอัจฉริยะ (Intelligence Revolution) และนำความสุขและความก้าวหน้ามาสู่มนุษยชาติอย่างยั่งยืน
โครงสร้างรายได้และธุรกิจหลัก
Softbank มีโครงสร้างรายได้ที่หลากหลาย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก
SoftBank Segment คือเสาหลักของกลุ่มบริษัท ที่กำลังก้าวข้ามขีดจำกัดของการเป็นเพียงผู้ให้บริการโทรคมนาคม เพื่อกลายเป็นผู้เล่นหลักในโลกดิจิทัลของญี่ปุ่น ธุรกิจนี้คือการสร้าง 'โครงข่ายชีวิตดิจิทัลครบวงจร' โดยมีธุรกิจโทรคมนาคมเป็นฐานรากที่มั่นคง และกำลังขยายอาณาจักรไปสู่บริการอินเทอร์เน็ตที่ทำกำไรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลมาจากพลังขับเคลื่อนในหลายมิติ 1) ธุรกิจสื่อโฆษณา & e-commerce (เช่น Yahoo! JAPAN และ LINE) ที่ทำกำไรจากการโฆษณาและการค้าออนไลน์ที่แข็งแกร่ง 2) ธุรกิจระดับองค์กร ที่เติบโตตามกระแสยุคดิจิทัล ด้วยยอดขายบริการคลาวด์ที่เพิ่มขึ้น และที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือ 3) PayPay บริการชำระเงินไร้เงินสดที่เป็นหัวใจของ FinTech ได้ พลิกกลับมาทำกำไรได้สำเร็จ
ธุรกิจ Arm คือการออกแบบและให้สิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญา (Licensing IP) สำหรับไมโครโพรเซสเซอร์หรือชิปประมวลผลขนาดเล็ก ที่ประหยัดพลังงานแก่ผู้ผลิตชิปทั่วโลก ซึ่งหมายความว่า Arm ไม่ได้ผลิตชิปเอง แต่สร้างรายได้หลักจากการ ขายใบอนุญาต (License) ให้แก่ลูกค้าในการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อพัฒนาชิปสำหรับอุปกรณ์ที่หลากหลายในอนาคต เช่น สมาร์ทโฟนยุคใหม่ cloud และยานยนต์อัจฉริยะ และรับ ค่าลิขสิทธิ์ (Royalty) จากการจำหน่ายชิปเหล่านั้นในตลาด ดังนั้น Arm จึงเป็นบริษัทที่มีอิทธิพลในยุคที่พลังประมวลผลที่มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับการประมวลผล AI ตั้งแต่ Data Center ไปจนถึงอุปกรณ์พกพา และได้รับการยอมรับจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีทั่วโลกในการนำเทคโนโลยีของ Arm ไปใช้ในผลิตภัณฑ์

กลยุทธ์การเติบโตและจุดแข็งที่โดดเด่น
SoftBank เดินหน้าภายใต้แนวคิด “Information Revolution — Happiness for Everyone” ที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มต้น โดยเชื่อว่าเทคโนโลยีจะสร้างความสุขและความก้าวหน้าให้มนุษยชาติ กลยุทธ์นี้ทำให้ SoftBank ไม่ได้มองเพียงผลตอบแทนระยะสั้น แต่ลงทุนในเทรนด์ระยะยาว ที่เน้นการเติบโตยั่งยืนจากโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของโลกยุคใหม่
Vision Fund คือหัวใจสำคัญของ SoftBank ที่เปลี่ยนจากผู้ให้บริการโทรคมนาคม สู่การเป็น “นักลงทุนแห่งอนาคต” ด้วยเงินลงทุนหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก ตั้งแต่ AI, Robotics ไปจนถึงแพลตฟอร์มดิจิทัล พอร์ตนี้ไม่เพียงสร้างผลตอบแทนทางการเงินในอนาคต แต่ยังทำให้ SoftBank กลายเป็น ตัวเร่งวิวัฒนาการเทคโนโลยีของโลก
หนึ่งในจุดแข็งที่โดดเด่นของ SoftBank คือการถือครอง Arm Holdings ผู้นำเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมชิปที่เป็นหัวใจของอุปกรณ์อัจฉริยะทั่วโลก การควบคุมเทคโนโลยีระดับโครงสร้างพื้นฐานนี้ ทำให้ SoftBank สร้างความได้เปรียบในการขับเคลื่อนยุคปัญญาประดิษฐ์
SoftBank มีกลยุทธ์หลักคือการสร้าง “ระบบนิเวศของบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี” ที่เชื่อมโยงกันภายในเครือ ด้วยการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนโลก เช่น Arm และกว่า 400 บริษัทในกองทุน Vision Fund การเติบโตของแต่ละบริษัทช่วยสร้างพลังร่วม (synergy) ที่หล่อเลี้ยงกันและกัน เกิดเป็นวงจรนวัตกรรมที่ต่อเนื่อง และขับเคลื่อนการเติบโตของทั้งเครือในระยะยาว
เปรียบเทียบกับคู่แข่งระดับโลก
เทียบกับ Berkshire Hathaway (BRK) ในสหรัฐฯ: Berkshire Hathaway เป็นบริษัทโฮลดิ้งขนาดใหญ่ที่ก่อตั้งโดย Warren Buffett มีโครงสร้างธุรกิจแบบ conglomerate ครอบคลุมตั้งแต่ประกันภัย (GEICO), พลังงาน (Berkshire Hathaway Energy) ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานและการถือหุ้นในบริษัทมหาชนชั้นนำ เช่น Apple, Coca-Cola และ American Express จุดแข็งของ Berkshire คือการบริหารพอร์ตการลงทุนอย่างระมัดระวัง เน้นกิจการที่มี กระแสเงินสดมั่นคงและผลตอบแทนระยะยาว โดยใช้ insurance float เป็นแหล่งเงินทุนถาวรเพื่อสร้างผลตอบแทนทบต้นในระยะยาว จึงมีความมั่นคงและความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มลงทุนทั่วไป
ในทางกลับกัน SoftBank Group ของญี่ปุ่นเป็นบริษัทโฮลดิ้งด้านเทคโนโลยีที่มี DNA แบบ venture capital และ ecosystem builder มุ่งสู่ยุค Artificial Super Intelligence (ASI) ด้วยการลงทุนเชิงรุกในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Arm Holdings, OpenAI, Ampere Computing และ Graphcore เพื่อสร้างเครือข่ายมูลค่าเพิ่มระหว่าง AI ชิป และ แพลตฟอร์ม ข้อมูล ขณะที่ Berkshire มุ่งสร้างผลตอบแทนจากธุรกิจจริงที่มั่นคง SoftBank เลือกสร้างการเติบโตเชิงทวีคูณ ผ่านพอร์ตเทคโนโลยีล้ำยุค ซึ่งอาจมีความผันผวนสูงกว่า แต่ให้โอกาสสร้างมูลค่ามหาศาลในอนาคต จุดได้เปรียบของ SoftBank จึงอยู่ที่ ศักยภาพการขับเคลื่อนเทคโนโลยีโลกในยุค AI และ ความยืดหยุ่นของโมเดล NAV-driven ที่เปิดทางให้สร้าง alpha ได้เหนือโครงสร้างการลงทุนแบบดั้งเดิมของ Berkshire Hathaway.
เปรียบเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย
เทียบกับ SCB10X ในไทย: SCB10X คือแขนลงทุนเชิงเทคโนโลยีของกลุ่ม SCB X PCL (SCB) ที่ทำทั้ง Venture Capital + Venture Builder + R&D โฟกัส 3 แกนหลัก AI/Deep Tech, Blockchain/Web3 และ Fintech พร้อมเครือข่ายร่วมลงทุนทั่วโลกและพอร์ตที่มีตั้งแต่ AI infrastructure/agents (เช่น Guardrails, Together, Ema) ไปจนถึง Web3/crypto (Axelar, Fireblocks) และ SEA platform (Traveloka, Flash) โมเดลของ SCB10X สร้าง synergy กลับเข้า SCBX และขับเคลื่อนองค์ความรู้ผ่านการวิจัย AI ระดับนานาชาติ รวมถึงพัฒนา Typhoon (Thai LLM) ที่ประกาศสมรรถนะเทียบชั้นโมเดลระดับโลกสำหรับภาษาไทย อีกทั้งยังเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น ร่วม Series B ของ BlinkOps (US$50m) ใน พ.ย. 2025 สะท้อนบทบาท CVC ไทยที่เล่นในเวที global frontier tech จริงจัง
SoftBank Group ต่างออกไปเชิงสเกลและตำแหน่งในห่วงโซ่ AI: เป็น strategic investment holding ที่ล็อกธีม AI/Chips/Data/Robots ไว้อย่างชัดเจน มีสินทรัพย์หัวรถจักรอย่าง Arm และเดินเกม infrastructure for AI ตั้งแต่ดีล ซื้อ Ampere Computing มูลค่า US$6.5bn เพื่อเสริม CPU สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ไปจนถึงนโยบายการเงินที่ยึด NAV/LTV เป็นเข็มทิศ จุดได้เปรียบเชิงแข่งขันของ SoftBank จึงอยู่ที่ สปีดและสเกลทั่วโลกของห่วงโซ่ชิปและคอมพิวต์ ที่ยกพอร์ตขึ้นไปอยู่ ใกล้ต้นน้ำของ AI stack มากกว่า CVC แบบธนาคาร โดยที่ SCB10X เด่นด้านความเชื่อมต่อเข้าธนาคารไทยกับการแปลเทคโนโลยีสู่ use cases ภาษาไทย ส่วน SoftBank เด่นในการคุมชิ้นส่วนยุทธศาสตร์ของ AI infrastructure ซึ่งให้ทางเลือกการเติบโตแบบเร่งด่วนและกว้างกว่าในเวทีโลก
อนาคตและโอกาสของ SoftBank
SoftBank กำลังก้าวสู่ยุคใหม่ของ “Artificial Super Intelligence (ASI)” ด้วยวิสัยทัศน์ระยะยาวในการเป็นผู้นำโครงสร้างพื้นฐานของโลก AI ผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์และความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง OpenAI ภายใต้โครงการ Stargate Project เพื่อสร้างศูนย์กลาง AI Infrastructure ในสหรัฐฯ พร้อมการพัฒนา “Cristal Intelligence” โซลูชัน AI เชิงองค์กรแห่งอนาคต ขณะเดียวกันการเข้าซื้อกิจการ Ampere Computing ซึ่งใช้สถาปัตยกรรมของ Arm จะช่วยเสริมพลังให้ SoftBank อยู่ในตำแหน่งสำคัญของห่วงโซ่เทคโนโลยีโลก โอกาสเหล่านี้ทำให้ SoftBank ไม่ได้เป็นเพียงนักลงทุน แต่กลายเป็น “ผู้สร้างระบบนิเวศแห่ง AI” ที่จะผลักดันการปฏิวัติ AI ให้เกิดขึ้นจริงในระดับโลก
ความท้าทายและความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ
SoftBank ต้องเผชิญความท้าทายสำคัญจากการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก ที่มูลค่าขึ้นลงอย่างรวดเร็วตามความคาดหวังด้าน AI และเศรษฐกิจมหภาค ความผันผวนของตลาดทุนและอัตราแลกเปลี่ยนอาจกระทบต่อมูลค่าพอร์ตโดยรวม ขณะเดียวกันการขยายการลงทุนในหลายภูมิภาค เช่น สหรัฐฯ จีน และยุโรป ยังต้องรับมือกับความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะข้อจำกัดด้านความมั่นคง เทคโนโลยี และการส่งออก นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทในพอร์ตอาจไม่เป็นไปตามแผน หากเทคโนโลยีล้าสมัยหรือแข่งขันรุนแรงเกินคาด SoftBank จึงต้องติดตามความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด พร้อมใช้กลยุทธ์การบริหารการเงินและการจัดการทุนอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาความมั่นคงท่ามกลางความผันผวนของโลกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สนใจลงทุนในหุ้น SoftBank Group (9984.T) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน
คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน