Company History

Horizon Robotics: สมองกลอัจฉริยะผู้ขับเคลื่อนยุคยานยนต์ไร้คนขับของจีน

11 Nov 25 9:34 AM
Horizon
สรุปสาระสำคัญ

หากนึกถึงโอกาสการเติบโตของยานยนต์ไร้คนขับของจีน ชื่อของ Horizon Robotics จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มักได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นผู้ปฏิวัติวงการยานยนต์ในฐานะ "ผู้สร้างสมอง" อัจฉริยะ บริษัทเป็นผู้ออกแบบเทคโนโลยีหลักที่อยู่เบื้องหลังการขับขี่แห่งอนาคต โดยครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในประเทศจีน โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 บริษัทสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในจีนไว้ได้ทั้งในกลุ่ม ADAS Solutions (45.8%) และ Intelligent Assisted Driving Solutions โดยรวม (32.4%)

ผลิตภัณฑ์ของ Horizon Robotics มีความจำเป็นมากขึ้นในยุคที่รถยนต์ต้อง "มองเห็น" และ "คิด" ได้เอง Horizon Robotics ได้เข้ามาตอบโจทย์นี้ ด้วยการพัฒนาหน่วยประมวลผล AI ที่ซับซ้อน (BPU™) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการตัดสินใจให้กับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) และระบบขับขี่อัตโนมัติ (AD) นี่คือหัวใจที่ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์สามารถก้าวข้ามจาก "ยานพาหนะ" ไปสู่ "ผู้ช่วยอัจฉริยะ"

อาวุธลับของ Horizon Robotics คือชิปตระกูล "Journey" โดยใช้กลยุทธ์ โมเดลธุรกิจแบบ "เปิด" (Open Model) ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้ค่ายรถยนต์สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์อัลกอริทึมที่เป็นของแบรนด์ตัวเองลงบนฮาร์ดแวร์ของ Horizon Robotics ได้ แทนที่จะขาย "กล่องดำ" (Black Box) ที่เป็นระบบปิดตายเหมือนคู่แข่งรายอื่น กลยุทธ์นี้เปรียบเสมือนการเป็น "Android" ของวงการยานยนต์ ทำให้ค่ายรถสามารถสร้างนวัตกรรมและความแตกต่างได้โดยไม่ต้องเริ่มสร้างเทคโนโลยีชิปเองจากศูนย์

กลยุทธ์การเติบโตนี้ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วผ่านความสำเร็จในการ "ล็อก" สัญญาระยะยาว หรือที่เรียกว่า "Design Wins" กับค่ายรถยนต์ชั้นนำในจีนเกือบทุกราย ตั้งแต่ BYD, Li Auto ไปจนถึง GAC การที่ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Volkswagen เลือกที่จะร่วมทุนมหาศาล เพื่อใช้เทคโนโลยีของ Horizon Robotics ในตลาดจีน ถือเป็นการการันตีคุณภาพและตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในฐานะ "ผู้เล่นท้องถิ่น" (Local Champion) ในตลาดรถยนต์อัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดในโลก สำหรับนักลงทุน นี่คือการเติบโตที่ไม่ได้อิงอยู่กับอนาคตอันไกล แต่กำลังเกิดขึ้นจริงผ่านโมเดลรถยนต์นับล้านคันที่กำลังจะออกจากสายการผลิต

ประวัติและความเป็นมาของ Horizon Robotics

บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนรายนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดยทีมวิทยาศาสตร์นำโดย Dr. Yu, Dr. Huang และ Ms. Tao ซึ่งมุ่งมั่นพัฒนาผ่านเทคโนโลยี ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) และ Autonomous Driving (AD) ที่ผสานทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างชาญฉลาด จุดเริ่มต้นของความสำเร็จคือการพัฒนา Brain Processing Unit (BPU) หรือชิป AI รุ่นแรกที่ออกแบบมาเลียนแบบการประมวลผลของสมองมนุษย์ เพื่อให้รถยนต์สามารถรับรู้ วิเคราะห์ และตัดสินใจได้

เพียงหนึ่งปีหลังการก่อตั้ง Horizon Robotics ก็เปิดตัว BPU รุ่นแรกในปี 2016 และชิปประมวลผล “Journey” รุ่นแรกในปีถัดมา ก่อนจะเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญในปี 2020 เมื่อเปิดตัวโซลูชัน Horizon Mono ที่ใช้ชิป Journey 2 ในการผลิตเชิงพาณิชย์กับรถยนต์จีนรายใหญ่ ความสำเร็จนี้ต่อยอดด้วย Journey 3 ที่ถูกนำไปใช้ในรถรุ่นยอดนิยม Li ONE ของ Li Auto ส่งผลให้ยอดส่งมอบฮาร์ดแวร์พุ่งทะลุ 1 ล้านหน่วยภายในปีเดียว

 

จากนั้นบริษัทก็เร่งเครื่องอย่างต่อเนื่อง ระหว่างปี 2022–2024 Horizon Robotics ขยายโซลูชันสู่ระดับพรีเมียมด้วย Horizon Pilot ที่ขับเคลื่อนด้วยชิป Journey 5 และกลายเป็นขุมพลังในรถรุ่น Li L8 Pro ยอดขายชิปเติบโตจาก 1 ล้านหน่วยในปี 2021 เป็น 4 ล้านหน่วยในปี 2023 และ 5 ล้านหน่วยในปี 2024 สะท้อนการยอมรับอย่างกว้างขวางจากผู้ผลิตรถยนต์จีน และยังต่อยอดสู่เวทีโลกผ่านบริษัทร่วมทุน CARIZON กับ Volkswagen Group ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่การผลิตชิปรุ่นต่อไป Journey 6 ที่จะขับเคลื่อนยุคใหม่ของยานยนต์อัจฉริยะทั่วโลก

 

โครงสร้างรายได้และธุรกิจหลัก

Horizon Robotics มีโครงสร้างรายได้ที่หลากหลาย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลัก

  1. ธุรกิจ Automotive solutions – 96.8% ของรายได้รวม โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
  • ธุรกิจ Product solutions – 49.7 ของรายได้รวม

ธุรกิจการจำหน่าย ชิปประมวลผลและโซลูชันสำหรับรถยนต์อัจฉริยะ ครอบคลุมตั้งแต่ระบบช่วยขับขั้นพื้นฐาน (ADAS) ไปจนถึงระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นสูงอย่าง Highway Navigate on Autopilot (NOA) หรือระบบขับขี่อัตโนมัติบนทางด่วน ซึ่งปัจจุบันกว่า 80% ของรายได้ในกลุ่มนี้มาจากโซลูชันที่รองรับฟีเจอร์ NOA สะท้อนความสามารถในการพัฒนาโซลูชันของบริษัทในการตีตลาดยานยนต์อัจฉริยะที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ Horizon ยังอยู่ระหว่างพัฒนา Horizon SuperDrive (HSD) โซลูชันรุ่นใหม่ที่สามารถรับมือกับสถานการณ์การขับขี่ซับซ้อนมากขึ้น และให้ประสบการณ์ “การขับขี่เหมือนคนขับ” อย่างแท้จริง โดยมีแผนผลิตเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 และได้รับการคัดเลือกเบื้องต้นจากผู้ผลิตรถยนต์ (OEM) แล้วมากกว่า 10 รุ่น

 

  • ธุรกิจ License and services – 47.1% ของรายได้รวม

ธุรกิจขายสิทธิ์การใช้งานซอฟต์แวร์และอัลกอริทึมด้านการขับขี่อัจฉริยะ พร้อมบริการออกแบบและให้คำปรึกษาทางเทคนิคกับผู้ผลิตรถยนต์และพันธมิตรกว่า 30 รายทั่วโลก จุดแข็งของกลุ่มนี้คือการช่วยลูกค้าลดต้นทุนและระยะเวลาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ลง ซึ่งธุรกิจส่วนนี้สะท้อนแนวคิด “Software-Defined Vehicle” ที่รถยนต์ในอนาคตจะขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์และอัปเกรดได้เหมือนสมาร์ตโฟน

 

  1. ธุรกิจ Non-Automotive solutions – 3.2% ของรายได้รวม

ธุรกิจ Non-Automotive Solutions เป็นการนำเทคโนโลยี BPU และอื่นๆ ไปใช้ในอุปกรณ์อัจฉริยะหลากหลายรูปแบบ เช่น เครื่องฟอกอากาศ และเครื่องตัดหญ้าอัตโนมัติ โดยโซลูชันเหล่านี้มุ่งเน้นการใช้งานในบ้านและกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น ธุรกิจนี้คือการต่อยอด “สมอง AI” ที่เคยอยู่บนรถยนต์ ให้ขยายจากถนนสู่โลกของการใช้ชีวิตอัจฉริยะ

 

Screenshot-2025-11-11-093946.png 

กลยุทธ์การเติบโตและจุดแข็งที่โดดเด่น

  1. ลงทุนต่อเนื่องในเทคโนโลยี เพื่อคว้าโอกาสจากกระแสการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์อัจฉริยะ

Horizon Robotics มุ่งลงทุนและพัฒนาใน โซลูชัน AD รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ปลอดภัยขึ้น และรองรับเซนเซอร์หลากหลายประเภทเพิ่มขึ้น พร้อมพัฒนาอัลกอริทึมและซอฟต์แวร์ขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งจุดแข็งของบริษัทอยู่ที่การออกแบบแบบ co-design และ co-optimized ที่ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ถูกพัฒนาไปพร้อมกัน ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในระดับระบบ (system-level optimization) เพื่อที่จะผลักดันให้รถยนต์ในอนาคตสามารถขับเคลื่อนได้ในทุกสภาพถนนอย่างปลอดภัยและราบรื่น

 

  1. กลยุทธ์การเติบโต ผ่านการขยายฐานพันธมิตรและผูกขาดเทคโนโลยีในแพลตฟอร์มยานยนต์โลก

Horizon Robotics มีกลยุทธ์การเติบโตแบบรุกควบคู่ไปกับการผูกขาด โดยมุ่งเน้นการขยายสัญญาการผลิตเชิงพาณิชย์ทั้งจาก ลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่ สำหรับลูกค้าเดิม บริษัทไม่ได้เป็นเพียงซัพพลายเออร์เทคโนโลยี แต่เป็น "พันธมิตรที่ขาดไม่ได้" ในการพัฒนารถยนต์ระดับโลกของพวกเขา เพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีของบริษัทจะ ถูกใช้ในผลิตภัณฑ์หลัก และเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของ OEM นั้น ๆ ขณะเดียวกัน บริษัทใช้สถานะผู้นำตลาดและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ในการคว้า Design-Wins หรือ โอกาสได้รับการคัดเลือกให้ใช้เทคโนโลยีของบริษัทในรถยนต์รุ่นใหม่ จากลูกค้ารายใหม่

 

  1. เสริมสร้าง Ecosystem ผ่านแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น

Horizon Robotics ต้องการเสริมสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) รอบ ๆ แพลตฟอร์ม (ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ และ เครื่องมือพัฒนา)ให้เปิดกว้าง ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพ เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ (OEMs) ในปัจจุบันต้องการแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถ ปรับแต่ง (Customize) ผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการด้านการออกแบบของตนเองได้มากที่สุด บริษัทจึงลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาเครื่องมือและบริการเสริม เช่น OpenExplorer, TogetheROS, และ AIDI เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถออกแบบ พัฒนา และเข้าสู่กระบวนการผลิตเชิงพาณิชย์ได้อย่าง รวดเร็วและคุ้มค่า ซึ่งเป็นการสร้างความผูกพันในระยะยาว

 

  1. ลงทุนในบุคลากรและนวัตกรรมเพื่อก้าวสู่การขับขี่อัตโนมัติระดับสูง

หัวใจหลักของการเติบโตของ Horizon Robotics คือการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์และวิจัยพัฒนา (R&D) อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างรากฐานทางเทคโนโลยีของบริษัท โดยบริษัทมีบุคลากรด้าน R&D มากถึง 73.1% ของพนักงานทั้งหมด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2024 ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นต่อนวัตกรรมอย่างชัดเจน พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้ทีมวิศวกรภาคสนามเพื่อบริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังจะขยายทีมขายและการตลาดเพื่อรักษาความพึงพอใจของลูกค้าปัจจุบัน และคว้าโอกาสในการรับสัญญาการผลิตเชิงพาณิชย์เพิ่มเติมจากผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ (OEMs) และ Tier-1 ในการพัฒนาโซลูชันสำหรับการขับขี่อัตโนมัติระดับสูงต่อไป

 

เปรียบเทียบกับคู่แข่งระดับโลก

เทียบกับ Mobileye Global Inc (MBLY) ใน อเมริกา

Mobileye คือผู้บุกเบิกระบบขับขี่อัตโนมัติที่อยู่เบื้องหลังรถยนต์หลายล้านคันทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยี EyeQ Chipset ซึ่งถูกยอมรับในด้านความปลอดภัยและความแม่นยำ จนกลายเป็นมาตรฐานในตลาดยุโรปและสหรัฐฯ Mobileye เน้นจุดแข็งด้านการประมวลผลภาพ (Vision Processing) และระบบการตัดสินใจที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่อัตโนมัติระดับสูง (L3- L4)

ขณะที่ Horizon Robotics เดินเกมในสไตล์ที่แตกต่าง บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีแบบ “Co-Design” ระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ภายในองค์กร ทำให้เกิดชิปตระกูล Journey Series ซึ่งมีจุดเด่นคือ ความเร็วในการประมวลผลสูงพอสำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ แต่ใช้พลังงานต่ำและมีต้นทุนแข่งขันได้ เหมาะกับตลาดยานยนต์ขนาดใหญ่ของจีนที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ในเชิงกลยุทธ์ Horizon Robotics ยังเน้นโซลูชันที่ “เข้าถึงได้จริง” ในระดับราคาที่ผู้บริโภคทั่วไปเริ่มเข้าถึงระบบขับขี่อัจฉริยะได้ นี่คือจุดแตกต่างสำคัญจาก Mobileye ที่มักถูกนำไปใช้ในตลาดรถพรีเมียมระดับสูง

 

เปรียบเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย

เปรียบเทียบกับบริษัท KCE Electronics (ไทย) อยู่ต้นน้ำของห่วงโซ่อุปทานที่ ผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) เกรดยานยนต์ ส่งให้ Tier-1/OEM ทั่วโลก ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในโมดูลอิเล็กทรอนิกส์ของรถยนต์ รวมถึงระบบ ADAS (เช่น กล้อง เรดาร์ ลิดาร์ และ ECU) ที่มีความซับซ้อนสูง และต้องมีขนาดเล็ก โดย KCE มีสถานะผู้นำในตลาด PCB ยานยนต์และพัฒนากำลังผลิต/กระบวนการอย่างต่อเนื่อง จุดแข็งคือมาตรฐานคุณภาพยานยนต์และฐานการผลิตไทยที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามลักษณะสินค้าเป็นคอมมอดิตี (Commodity) มากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ Horizon Robotic ทำให้มีการแข่งขันสูงมาร์จิ้นและอำนาจกำหนดราคาถูกจำกัดและขึ้นกับวัฏจักรอุตสาหกรรม

 

ในขณะที่ Horizon Robotics จะมีผลิตภัณฑ์อยู่ในปลายน้ำโดยมีการเติบโตตามรถยนต์ที่มีการติดตั้งแพลตฟอร์มขับขี่อัจฉริยะ (ADAS/AD) ที่ผสานชิปตระกูล Journey กับซอฟต์แวร์และลิขสิทธิ์บริการ ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง (ปี 2024 ราว 77%) จากส่วนของลิขสิทธิ์/บริการที่สเกลได้ดี ขณะเดียวกันกำลังผลักดันเจเนอเรชันใหม่ Journey 6 สำหรับการผลิตจำนวนมากในปี 2025 มีอำนาจต่อรองกับลูกค้าและเป็นหาสินค้าแทนที่ได้ยากกว่าแบบชิ้นส่วนมาตรฐานทั่วไป

 

เมื่อเทียบกัน ความได้เปรียบของ Horizon จึงอยู่ที่การจับมูลค่าเพิ่มจากซอฟต์แวร์และระบบใกล้ผู้ผลิตรถ (มีมาร์จิ้นสูง-สร้างการซื้อซ้ำได้) โดยสามารถเติบโตตามรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีการติดตั้งระบบช่วยขับขี่ (ADAS) ที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ KCE อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ของ KCEจะเผชิญการแข่งขันด้านราคาที่มากกว่า

 

อนาคตและโอกาสของ

Horizon Robotics พร้อมคว้าโอกาสมหาศาลจากแนวโน้มโครงสร้างต้นทุนของโซลูชันขับขี่อัตโนมัติในเมือง (Urban Assisted Driving) จะลดลงไปถึง RMB150,000 ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ง่ายขึ้น และถือเป็นโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่ สำหรับโซลูชัน HSD ที่พร้อมรองรับการขยายตัวนี้เต็มรูปแบบ ในขณะเดียวกัน จากการสนับสนุนจากภาครัฐ และการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ กำลังเปิดประตูให้กับอุตสาหกรรม Robotaxi หรือรถยนต์ไร้คนขับเชิงพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงของโลก บริษัทมองเห็นเส้นทางที่ชัดเจนจากเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติระดับ L2 สู่ L4 และเตรียมร่วมมือกับผู้ให้บริการ Robotaxi หลายรายในช่วงครึ่งหลังของปี ในระยะยาว บริษัทมุ่งเน้น นวัตกรรม การบูรณาการ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ และจะเพิ่มการลงทุนในซอฟต์แวร์ระบบขับขี่อัจฉริยะ รวมถึงการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดโลก โดยมี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และยุโรป เป็นตลาดเป้าหมายหลัก เพื่อสานต่อความสำเร็จและสร้างระบบนิเวศอัจฉริยะทั่วโลกอย่างยั่งยืน

 

ความท้าทายและความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ

การดำเนินงานของ Horizon Robotics อยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงเร็ว หากบริษัทล้มเหลวในการพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ ให้ทันเวลาหรือการลงทุนใน R&D ไม่ประสบผลสำเร็จ อาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและส่วนแบ่งตลาดได้ทันที ความเสี่ยงสำคัญอีกประการคือ หากปริมาณการนำโซลูชัน ADAS/AD ไปใช้ไม่เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน จากการพึ่งพาซัพพลายเออร์น้อยเจ้า และความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้กระจุกตัวในลูกค้ารายใหญ่ รวมถึงผลกระทบจากกฎหมายควบคุมการส่งออก และการที่บริษัทยังมีประวัติการขาดทุน ซึ่งไม่มีการรับประกันว่าจะสามารถทำกำไรได้ในอนาคต

 

 

 

สนใจลงทุนในหุ้น Horizon Robotics (9660.HK) และหุ้นเติบโตอื่น ๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน

 

คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5