เมื่อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กำลังจะสิ้นสุดบทบาทในฐานะเครื่องมือลดหย่อนภาษี รัฐบาลจึงได้ออกมาตรการใหม่เพื่อรองรับนักลงทุนที่ยังถือหน่วยลงทุน LTF อยู่ โดยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Thai ESGX ซึ่งเป็นโอกาสใหม่ของผู้ถือ LTF ในการย้ายเงินลงทุน พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมในปีภาษี 2568–2572 บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกในทุกมิติของการย้ายการลงทุนจาก LTF ไป Thai ESGX และตอบคำถามสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนตัดสินใจว่าจะโอน LTF ไป Thai ESGX ดีไหม
Thai ESGX หรือกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ เป็นกองทุนที่ลงทุนในทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกหรือกิจการในประเทศไทยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืน ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) เช่นเดียวกับ Thai ESG เดิม แต่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมว่าต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV
สำหรับปี 2568 กองทุนนี้จะเปิดให้ลงทุนเป็นระยะเวลาเพียง 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น และจะกลับมาเปิดให้ลงทุนอีกครั้งในปี 2569 โดยมีวงเงินลดหย่อนภาษีเดียวกับกองทุน Thai ESG
กองทุน Thai ESGX แบ่งวงเงินลดหย่อนภาษีเป็น 2 ส่วน ดังนี้
สำหรับผู้ที่ถือกองทุน LTF อยู่ ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568 และไม่มีการขายคืนหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF นับแต่วันที่ 12 มีนาคม 2568 เป็นต้นมา สามารถย้ายการลงทุนจาก LTF ไปกองทุน Thai ESGX เพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีรวม 5 ปี สูงสุด 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
สำหรับเงินลงทุนใหม่ที่ซื้อหน่วยลงทุน Thai ESGX ในปี 2568 สามารถลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท (เป็นวงเงินแยกต่างหาก ไม่นับรวมกับกองทุน Thai ESG ปกติ
ที่สำคัญคือ วงเงินลดหย่อนภาษีทั้ง 2 ส่วนของ Thai ESGX จะไม่นับรวมกับวงเงินลดหย่อนของกองทุน Thai ESG ปกติ ดังนั้นในปี 2568 นักลงทุนสามารถมีวงเงินลดหย่อนภาษีรวมสูงสุดถึง 900,000 บาท จาก 3 วงเงิน คือ
ถ้าต้องการรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากวงเงิน LTF เดิม มีเงื่อนไขสำคัญที่ผู้ลงทุนควรทราบ ดังนี้
ระยะเวลาการถือครองกองทุน Thai ESGX ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแบบวันชนวัน (จากวันที่ซื้อหรือวันที่สับเปลี่ยน) ทั้งนี้ หากสับเปลี่ยนไปมากกว่า 500,000 บาท เงินลงทุนส่วนที่เกิน 500,000 บาท จะต้องถือครองตามเงื่อนไขเดียวกัน
โดยหากขายคืนหน่วยลงทุนก่อนครบกำหนด 5 ปี จะต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับการยกเว้นและอาจมีเบี้ยปรับตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ หากมีกำไรจากการขายหน่วยลงทุน จะต้องนำกำไรนั้นมาคำนวณภาษีเงินได้ตามหลักเกณฑ์ทางภาษีด้วย
สำหรับผู้ที่ถือกองทุน LTF อยู่ในปัจจุบัน มีทางเลือกหลัก 3 ทาง ดังนี้
เหมาะสำหรับ
ข้อควรทราบ
เหมาะสำหรับ
ข้อดี
เหมาะสำหรับ
ข้อดี
ไม่ได้บังคับ เพราะการย้ายการลงทุนจาก LTF ไปยังกองทุน Thai ESGX เป็นเพียงการเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถสับเปลี่ยนได้ตามความสมัครใจ
ถ้าต้องการสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี ผู้ลงทุนจะต้องย้ายการลงทุนจาก LTF ไปยังกองทุน Thai ESGX หรือกองทุนอื่น ๆ ทั้งหมด ทุกกองทุน ทุกบริษัทจัดการ ที่ถือครอง ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568
ผู้ลงทุนสามารถย้ายหน่วยลงทุนจาก LTF ทั้งหมดไปยังกองทุน Thai ESGX กองทุนเดียวได้
บทความนี้น่าจะช่วยคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับการย้ายการลงทุนจาก LTF ไป Thai ESGX อย่างกระจ่าง รวมถึงช่วยตัดสินใจว่าควรโอน LTF ไป Thai ESGX ดีไหม และหากต้องการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม สามารถซื้อผ่าน InnovestX ได้ เพียงดาวน์โหลดแอป และสมัครสมาชิกได้ฟรี ทั้ง App Store, Google Play Store และ Huawei Gallery มีให้ลงทุนครบทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และกองทุนลดหย่อนภาษีจาก 19 บลจ. กำเนิดจักรวาลใหม่แห่งการลงทุนกับ InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ที่มีครบทั้งเครื่องมือและข้อมูลสำหรับคว้าทุกโอกาสการลงทุนทั่วโลก
คำเตือน
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
ข้อมูลอ้างอิง: