สรุปสาระสำคัญ
การวางแผนภาษีไม่ใช่เพียงเรื่องของการลดภาระภาษีที่ต้องจ่าย แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการเงินระยะยาวที่มีประสิทธิภาพ สำหรับปี 2568 นี้ การทำความเข้าใจเรื่องการลดหย่อนภาษีตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้นักลงทุนทุกระดับสามารถใช้สิทธิได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นโอกาสดีในการวางแผนลงทุนควบคู่กันไปด้วย
บทความนี้จะมาอธิบายทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับรายการลดหย่อนภาษีปี 2568 และแนวทางการวางแผนลดหย่อนภาษีที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ในปีต่อ ๆ ไปได้อย่างมั่นใจ

ลดหย่อนภาษี 2568 คืออะไร ทำไมต้องวางแผนล่วงหน้า ?
การลดหย่อนภาษี คือสิทธิที่กฎหมายอนุญาตให้ผู้เสียภาษีนำไปหักลดหย่อนรายได้ก่อนนำไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยในปี 2568 มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางส่วน ทั้งในด้านเพดานการหักลดหย่อนและหมวดหมู่การลดหย่อนใหม่ ๆ ที่ควรศึกษาให้เข้าใจ
การวางแผนใช้สิทธิลดหย่อนตั้งแต่ต้นปี จะช่วยให้คุณมีเวลาตัดสินใจเลือกวิธีลดหย่อนที่เหมาะสมกับสถานะการเงินและเป้าหมายการลงทุน เช่น การทยอยซื้อกองทุนลดหย่อน หรือการบริหารค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากสิทธิที่มี
ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ?
ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2568 ได้แก่
1. บุคคลธรรมดาที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย และมีเงินได้ในปีภาษีเกิน 150,000 บาท จากแหล่งต่าง ๆ เช่น
- เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส และเงินประกันสังคม
- รายได้จากธุรกิจหรืออาชีพอิสระ
- ดอกเบี้ย เงินปันผล รายได้จากค่าเช่า
- รายได้จากการขายทรัพย์สิน
- รายได้อื่น ๆ ที่กฎหมายกำหนด
2. บุคคลธรรมดาต่างด้าวหรือคนไทยที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ที่มีรายได้จากแหล่งที่มาในประเทศไทย ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย หรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
ช่องทางการยื่นภาษี และระยะเวลาในการยื่น
- การยื่นภาษีแบบกระดาษ ณ สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ สามารถยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 มีนาคม 2569
และหากต้องชำระภาษีเพิ่มเติม สามารถขอผ่อนผันเพื่อยื่นล่าช้าได้ แต่ไม่เกินวันที่ 8 เมษายน 2569
- การยื่นภาษีออนไลน์ที่ www.rd.go.th หรือแอปพลิเคชัน RD Smart Tax สามารถยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 8 เมษายน 2569
รายการลดหย่อนภาษีปี 2568 มีอะไรบ้างที่ควรรู้ ?
เพื่อให้การวางแผนลดหย่อนภาษีมีประสิทธิภาพ นักลงทุนควรทำความเข้าใจกับประเภทของค่าลดหย่อนภาษีที่สำคัญดังนี้
ค่าลดหย่อนส่วนตัว
- ค่าลดหย่อนส่วนตัวผู้เสียภาษี - 60,000 บาทต่อปี สำหรับผู้เสียภาษีทุกคน
- ค่าลดหย่อนสำหรับผู้เสียภาษีที่เป็นข้าราชการบำนาญ หรือลูกจ้างประจำที่ได้รับบำนาญ - 30,000 บาทต่อปี
ค่าลดหย่อนครอบครัว
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส - 60,000 บาทต่อปี (กรณีที่คู่สมรสไม่มีเงินได้ หรือมีเงินได้น้อยกว่า 60,000 บาทต่อปี)
- บุตรคนละ 30,000 บาท (อายุไม่เกิน 25 ปี กำลังศึกษาอยู่ และไม่มีเงินได้เกิน 30,000 บาทต่อปี)
- บุตรคนที่ 2 ขึ้นไป ที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป (เฉพาะบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่รวมบุตรบุญธรรม) เพิ่มเป็นคนละ 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา
- บิดามารดาของผู้เสียภาษี คนละ 30,000 บาท
- บิดามารดาของคู่สมรส คนละ 30,000 บาท
เงื่อนไข: อายุเกิน 60 ปี และมีเงินได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
- ค่าลดหย่อนคนพิการหรือทุพพลภาพ - สำหรับการดูแลคนพิการหรือทุพพลภาพ คนละ 60,000 บาท
ค่าลดหย่อนการลงทุน
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กบข./กสจ. - ลดหย่อนได้ 15% ของเงินเดือน (กบข. ได้สูงสุด 30%) รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) - ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ รวมกับกองทุนกลุ่มสำรองเลี้ยงชีพข้างต้นไม่เกิน 500,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ - ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท รวมกับกองทุนทั้งหมดไม่เกิน 500,000 บาท
- กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) - ลดหย่อนได้สูงสุด 30,000 บาท รวมกับกองทุนข้างต้นไม่เกิน 500,000 บาท
- เงินประกันสังคม - ลดหย่อนได้สูงสุด 9,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป/เงินฝากมีประกันชีวิต - ลดหย่อนรวมกันไม่เกิน 100,000 บาท (คู่สมรสไม่มีเงินได้ลดหย่อนได้ไม่เกิน 10,000 บาท)
- เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง - ลดหย่อนได้สูงสุด 25,000 บาท รวมกับประกันชีวิตทั่วไปไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา - ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาท
- กองทุน Thai ESG - ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ หรือสูงสุด 300,000 บาท
- กองทุน Thai ESGX - ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ หรือสูงสุด 300,000 บาท หากมาจากการสับเปลี่ยน LTF สามารถลดหย่อนเพิ่มได้:
- ปี 2568: ตามมูลค่าที่สับเปลี่ยน ไม่เกิน 300,000 บาท
- ปี 2569-2571: ส่วนที่เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท (ปีละ 50,000 บาท)
- เงินลงทุน Social Enterprise - ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท
ค่าลดหย่อนอื่น ๆ
- ดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย: ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี
- ค่าเช่าที่อยู่อาศัย: ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาทต่อปี (สำหรับผู้ที่ไม่ได้หักดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย)
- เงินบริจาคเพื่อการศึกษา กีฬา การพัฒนาสังคม และสถานพยาบาลของรัฐ: ลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนเงินบริจาค แต่ไม่เกิน 20% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนและค่าใช้จ่าย
- เงินบริจาคทั่วไป: ลดหย่อนได้ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนและค่าใช้จ่าย
- ค่าสร้างบ้านใหม่ 2567-2568: 10,000 บาทต่อจำนวนค่าก่อสร้างที่จ่ายจริงทุกหนึ่งล้านบาท แต่รวมแล้วไม่เกิน 100,000 บาท
- ค่าลดหย่อน Easy E-Receipt 2.0 (2568): ลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท
- ค่าฝากครรภ์และทำคลอด: ลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินท้องละ 60,000 บาท

เทคนิควางแผนการลดหย่อนภาษี 2568 ให้คุ้มค่าที่สุด
การวางแผนลดหย่อนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพต้องเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์สถานะการเงินปัจจุบันและเป้าหมายระยะยาว ดังนี้
ประเมินรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งปีล่วงหน้า
โดยคำนวณเงินได้สุทธิและกำหนดงบประมาณสำหรับการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี พิจารณาทั้งรายได้ประจำและรายได้พิเศษที่อาจได้รับในระหว่างปี
วางแผนทยอยลงทุนในกองทุน Thai ESG, Thai ESGX และ RMF
วางแผนทยอยลงทุนแทนการลงทุนแบบก้อนเดียวในช่วงปลายปี การทยอยลงทุนเป็นรายเดือนช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างวินัยในการออม
เลือกลงทุนให้เหมาะกับช่วงอายุและเป้าหมายการเงิน
ผู้ที่อายุน้อยควรเน้นการลงทุนในตราสารที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง ขณะที่ผู้ใกล้เกษียณควรเน้นความมั่นคงของเงินต้น
ติดตามเงื่อนไขสิทธิ์และค่าลดหย่อนภาษีที่อัปเดตทุกปี
เนื่องจากกฎระเบียบอาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเพดานการลดหย่อนและเงื่อนไขของกองทุนต่าง ๆ
ตรวจสอบเอกสารและเก็บหลักฐานการลงทุนไว้ให้พร้อม
รวบรวมเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ ให้ครบถ้วนเพื่อความสะดวกในการยื่นภาษี รวมถึงการเตรียมเอกสารสำหรับการตรวจสอบในอนาคต
การวางแผนอย่างรอบคอบตั้งแต่ต้นปีจะช่วยให้คุณไม่ต้องรีบเร่งใช้สิทธิในช่วงปลายปี และสามารถกระจายการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนวทางการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี
การลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีไม่ได้หมายถึงการลงทุนแบบเลือกกองทุนเพียงเพื่อใช้สิทธิเท่านั้น แต่ควรมองให้ลึกถึงการวางแผนสร้างผลตอบแทนในระยะยาวควบคู่กันไปด้วย
- กระจายการลงทุนในกองทุน Thai ESG, Thai ESGX และ RMF อย่างสมดุล เพื่อให้ได้ทั้งสิทธิ์ลดหย่อนและโอกาสเติบโตของเงินลงทุนตามเป้าหมายระยะยาว โดยควรพิจารณาสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับความต้องการลดหย่อนภาษีและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- เลือกกองทุนที่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ผู้ที่มีระยะเวลาลงทุนยาวสามารถเลือกกองทุนหุ้นเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น ขณะที่ผู้ที่ใกล้เกษียณควรเน้นกองทุนตราสารหนี้เพื่อความเสถียรของผลการลงทุน
- วางแผนทยอยลงทุนตลอดปี (DCA - Dollar Cost Averaging) แทนการลงทุนก้อนใหญ่ในช่วงปลายปี เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด วิธีนี้ยังจะช่วยสร้างวินัยในการออมและลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
- พิจารณาค่าธรรมเนียมและผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน รวมถึงตรวจสอบนโยบายการลงทุนอย่างละเอียด เพื่อเลือกกองทุนที่มีศักยภาพ ทั้งยังสร้างผลตอบแทนได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ควรเลือกเพียงแค่เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเท่านั้น
แนวทางเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์ทั้งทางภาษีและเพิ่มโอกาสสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวไปพร้อมกัน
วางแผนภาษีพร้อมเปิดโอกาสด้านการลงทุนไปกับ InnovestX
การวางแผนลดหย่อนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการลงทุนระยะยาว ช่วยให้คุณได้ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษีและโอกาสในการเพิ่มพูนความมั่งคั่ง หากคุณกำลังมองหาช่องทางที่สามารถซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมทั้งมีข้อมูลวิเคราะห์ครบถ้วนเพื่อการตัดสินใจอย่างมั่นใจ
InnovestX ให้คุณสามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมหลากหลายประเภท ผ่านแอปเทรดที่ใช้งานง่าย มีครบทั้งกองทุน Thai ESG, Thai ESGX, RMF และกองทุนรวมอื่น ๆ จาก 21 บลจ.ชั้นนำ พร้อมฟีเจอร์เปรียบเทียบกองทุน ช่วยให้คุณวางแผนภาษีและการลงทุนได้ในที่เดียว ดาวน์โหลดแอป InnovestX ได้แล้ววันนี้ ทั้งบน App Store, Google Play Store และ Huawei Gallery เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการเงินที่ชาญฉลาดกับหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำจากกลุ่ม SCBX ที่คุณไว้วางใจได้
คำเตือน
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศโดยตรงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
ข้อมูลอ้างอิง
- ค่าลดหย่อน (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา). สืบค้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.itax.in.th/pedia/ค่าลดหย่อน/