Idea Playlists

Talk of the Town (Mutual Funds)

8 May 25 12:30 PM
Invest_Ideas_Thumbnail_1280x720px-31
Key Summary

Thai Baht Appreciation ,Hedging Uncertainty, China Recovery & Thai Stocks Deep Valuation

Thai Baht Appreciation

ความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐบาลทรัมป์และความตึงเครียดจากสงครามการค้ากดดันให้ความเชื่อมั่นต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง และเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดคู่ค้าสหรัฐฯ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียเพื่อเก็งกำไรด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยคาดว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียซึ่งรวมถึงประเทศไทยที่เป็นประเทศผู้ส่งออกมีโอกาสที่จะใช้นโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายเพื่อประคองเศรษฐกิจในช่วงที่นโยบายการค้ายังมีความไม่แน่นอนสูง จึงส่งผลให้ทิศทางค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าในระยะสั้นจากเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตามในระยะถัดไปหากนโยบายการค้ามีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น ประกอบกับนโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายของไทยในระยะข้างหน้า และการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่ยังเข้มงวด อาจส่งผลให้ค่าเงินบาทอาจกลับมาอ่อนค่าได้ในระยะข้างหน้า

 

สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อรับอัตราผลตอบแทนจากเงินฝาก/ตราสารหนี้ต่างประเทศ และรับประโยชน์จากทิศทางเงินบาทที่อาจจะอ่อนค่าได้ในอนาคตเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ สามารถลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศที่ไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทที่อาจอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ได้

 

กองทุนที่เกี่ยวข้อง:

  • ABGFIX-A ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นในต่างประเทศที่มีคุณภาพสูง ผ่านกองทุนหลัก abrdn SICAV I - Short Dated Enhanced Income Fund โดยไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (FX Unhedged)
  • BCAP-USL ลงทุนในตลาดเงิน และตราสารหนี้ระยะสั้นในต่างประเทศ ผ่านกองทุน Pictet - Short-Term Money Market USD - I โดยไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (FX Unhedged)
  • SCBFST ลงทุนแบบเชิงรุกในตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีสภาพคล่องสูง โดยไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (FX Unhedged)
  • TUSFIX ลงทุนในตั๋วเงินคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีอายุคงเหลือระหว่าง 1-3 เดือนผ่านกองทุนหลัก SPDR® Bloomberg 1-3 Month T-Bill ETF โดยไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (FX Unhedged)

 

Hedging Uncertainty

จากสถานการณ์ความตึงเครียดด้านสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลต่อความไม่แน่นอนของการค้าโลกและเศรษฐกิจ ประกอบกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณชะลอตัว ทำให้ทองคำยังคงทำหน้าที่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยภายใต้ความผันผวนจากสงครามการค้า นอกจากนี้ด้วยระดับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูงในรอบหลายปี และด้วยความสามารถในการใช้กระจายความเสี่ยงสำหรับพอร์ตการลงทุน จึงทำให้ตราสารหนี้โลกยังมีความน่าสนใจในช่วงที่เกิดความผันผวนจากสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นและทิศทางเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง

 

กองทุนที่เกี่ยวข้อง:

  • UGIS-N ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลกผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund ซึ่งมีกลยุทธ์การลงทุนที่ยืดหยุ่น และมุ่งเน้นสร้างพอร์ตที่มีความสมดุล
  • K-GOLD-A(A) ลงทุนแบบ Passive อ้างอิงราคาทองคำโลก ผ่านกองทุนหลัก SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่ลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง

 

China Recovery

แม้เศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนจะเผชิญความซบเซาในช่วงที่ผ่านมา แต่เริ่มเห็นสัญญาณบวกว่าเศรษฐกิจจีนอาจผ่านพ้นจุดต่ำสุดและมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ในระยะข้างหน้า จากการที่รัฐบาลจีนเริ่มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่เริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้น พร้อมกับท่าทีที่กลับมาสนับสนุนภาคเอกชน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง (Structural change) ที่สำคัญ แม้ภาวะเงินฝืดยังเป็นปัจจัยกดดัน แต่เริ่มเห็นการลดการแข่งขันด้านราคาของผู้ประกอบการ ขณะที่การเปิดตัว DeepSeek ยังสะท้อนถึงความก้าวหน้าด้าน AI ของจีน ซึ่งเป็นอีกแรงขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้น

 

กองทุนที่เกี่ยวข้อง:

  • K-CHINA-A(A) ลงทุนแบบเชิงรุกในหุ้นจีน All Shares ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Funds – China Fund  ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นจีนที่มีการเติบโตสูง
  • MEGA10CHINA-A ลงทุนแบบ Rule-based ใน 10 หุ้นชั้นนำของจีนที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และถูกยอมรับว่าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง
  • PRINCIPAL CHTECH-A กระจายลงทุนในอย่างน้อย 2 กองทุนที่ลงทุนในหุ้นจีนซึ่งี่มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเทคโนโลยี หรือมีรายได้หลักจากการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
  • KFCSI300-A ลงุทนแบบ Passive ล้อดัชนี CSI 300 Index ผ่านกองทุนหลัก ChinaAMC CSI300 ETF ซึ่งลงทุนในหุ้นชั้นนำจีนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซิ่นเจิ้น โดยเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ และมีสภาพคล่องสูง 300 บริษัท
  • KF-CHINA ลงุทนแบบ Passive ล้อดัชนี Hang seng China Enterprises Index ผ่านกองทุนหลัก Hang Seng China Enterprises Index ETF ซึ่งลงทุนในหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
  • KKP CHINA-H ลงทุนแบบ Passive โดยมุ่งหวังให้ผลประกอบการของกองทุนเคลื่อนไหวสอดคล้องกับดัชนี MSCI China All Shares

 

Thai Stocks Deep Valuation

หุ้นไทยได้ปรับตัวลงมาซื้อขายอยู่ที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่บริเวณ -2SD หรืออยู่ในระดับที่ถูกที่สุดในรอบ 10 ปี เห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากความเชื่อมั่นที่ทำให้ดัชนีหุ้นไทยอาจเจอจุดกลับตัว จากระดับราคาหุ้นไทยรวมถึงกำไรของบริษัทจทะเบียนเริ่มถูกปรับลดประมาณการในอัตราที่ชะลอตัวลง ขณะที่ภาครัฐได้เริ่มออกมาตรการช่วยประคองเศรษฐกิจ ทั้งการออกกองทุน Thai ESG Extra การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับบริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมโครงการ Jump+ และการออกมาตรการ TISA เป็นต้น

กองทุนที่เกี่ยวข้อง:

  • TISCOHD-A ลงทุนในหุ้นไทยคุณภาพสูง 20-25 ตัวที่มีการจ่ายปันผลดีและมีโอกาสการเติบโตของเงินปันผล โดยใช้กลยุทธ์ Barbell Strategy ระหว่าง Equity Beta และ Dividend Yield ให้เกิดความสมดุล
  • KT-HiDiv-A ลงทุนในหุุ้นไทยคุณภาพสูง 40-60 ตัว โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Core 70% ในหุ้นที่จ่ายปันผลสูงสม่ำเสมอ และ Satellite 30% ในหุ้นที่มีศักยภาพจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นในอนาคต
Most Viewed Ideas
1/5
Related Ideas
Most Viewed Ideas
1/5