Key Summary
สรุปกองทุนลดหย่อนภาษี RMF ที่ INVX แนะนำสำหรับ Core Portfolio
- กองทุนหุ้นโลก Active: KGSELECTRMF
- กองทุนหุ้นโลก Passive: KKP PGE RMF-H
- กองทุนตราสารหนี้โลก UGISRMF
- กองทุนตราสารหนี้ไทย KKP INRMF
สรุปกองทุนลดหย่อนภาษี RMF ที่ INVX แนะนำสำหรับ Satellite Portfolio
- กองทุนหุ้นสหรัฐฯ Active: KUSARMF
- กองทุนหุ้นสหรัฐฯ Passive: SCBRMS&P500
- กองทุนหุ้นเวียดนาม: PRINCIPAL VNEQRMF
- กองทุนหุ้นเทคโนโลยี: B-INNOTECHRMF
Core Portfolio คือ พอร์ตการลงทุนส่วนที่เป็นแกนหลัก เหมาะสำหรับผู้ลงทุนระยะยาวที่ไม่ต้องการจับจังหวะตลาด หากนักลงทุนยังไม่เคยลงทุนในกองทุนรวม แนะนำเริ่มต้นลงทุนกองภาษีด้วยกองทุนที่เป็น Core Portfolio
INVX Top Pick RMF: กองทุนลดหย่อนที่แนะนำสำหรับ Core Portfolio 4 กองทุน ได้แก่
1.กองทุนหุ้นโลก Active: KGSELECTRMF
- กองทุนหลัก JPMorgan Global Select Equity ETF มีนโยบายการลงทุนแบบ Core Equity เพื่อสร้างผลตอบแทนผ่านการคัดเลือกลงทุนในหุ้นโลกขนาดใหญ่คุณภาพสูงที่โดดเด่นในแต่ละช่วงเวลาจำนวน 70-100 ตัว เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายตัวอย่างเหมาะสม
- กระบวนการสร้างพอร์ตที่ประกอบด้วยทีมนักวิเคราะห์กว่า 80 ท่านที่มีการวิเคราะห์หุ้นครอบคลุมกว่า 2,500 ตัว เพื่อเฟ้นหาหุ้นที่มีโอกาสในการเติบโตระยะยาว มีความน่าสนใจ และมี Valuation ที่ดีเมื่อเทียบกับกลุ่มเดียวกัน ผนวกกับทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์สูงในการคัดสรรหุ้นที่มีความน่าสนใจ ด้วยกระบวนการลงทุนที่สม่ำเสมอเพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับแต่ละสภาวะตลาด เพื่อคัดเลือกหุ้นสำหรับ Core Portfolio ที่ดีที่สุด พิสูจน์ผ่านผลการดำเนินงานระยะยาว
- ตัวอย่างหุ้นที่มีการลงทุนได้แก่ Microsoft บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก, Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผลระดับโลก, Amazon.com บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่สุดในโลก, Meta Platforms บริษัทด้านเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย, Mastercard บริษัทแพลตฟอร์มชำระเงินระดับโลก
- ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมากองทุนตัวแทน (JPMorgan Global Select Equity Fund Class C) มีผลการดำเนินงานเฉลี่ย 15.9% ต่อปี เทียบกับดัชนี MSCI All Country World ที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 12.8% ต่อปี (as of 28 Feb 2025)
2.กองทุนหุ้นโลก Passive: KKP PGE RMF-H
- กองทุนหลัก iShares MSCI ACWI ETF (USD) ที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Passive โดยอ้างอิงดัชนีหุ้นโลก (MSCI ACWI Index) ที่มีการกระจายการลงทุนไปใน 23 ประเทศที่พัฒนาแล้ว (Developed Markets) และ 24 ประเทศที่กำลังพัฒนา (Emerging Markets)
- สัดส่วนหลักของพอร์ตการลงทุนจะกระจายอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มบริการทางด้านสุขภาพ
- เหมาะสำหรับใช้เป็น Core Portfolio สำหรับการลงทุนหุ้นโลกในระยะยาว เนื่องจากเป็นการกระจายการลงทุนไปในหลากหลายประเทศทั่วโลก ช่วยกระจายความเสี่ยงด้านการกระจุกตัว อีกทั้งยังมีกระจายการลงทุนในหุ้นกว่า 2,600 ตัว
- ตัวอย่างหุ้นที่มีการลงทุน ได้แก่ Apple ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีระดับโลก, Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผลระดับโลก, Microsoft บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก, Amazon.com บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่สุดในโลก, Meta Platforms บริษัทด้านเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย
- ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมากองทุนหลักสามารถทำผลการดำเนินงานได้เฉลี่ยปีละ 12.8% (as of 28 Feb 2025)
- มีให้เลือกทั้ง Class ที่มีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินคือ KKP PGE RMF-H และ Class ที่ไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน FX Unhedged คือ KKP PGE RMF-UH
3.กองทุนตราสารหนี้โลก UGISRMF
- กองทุนหลัก PIMCO GIS Income ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลกแบบ โดยสามารถกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้หลากหลายประเภท ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนมีอันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยระดับ AA- และมีอายุตราสารเฉลี่ยในพอร์ตการลงทุนประมาณ 3.93 ปี (ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 2024)
- ทีมผู้จัดการกองทุนหลักมีประสบการณ์สูงกว่า 30 ปี มีจุดเด่นด้านกลยุทธ์การลงทุนที่ยืดหยุ่น โดยจะผสมผสานการวิเคราะห์เชิง Top-down และ Bottom-up เพื่อเฟ้นหาตราสารหนี้ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับพอร์ตการลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ และพร้อมที่จะทำการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด
- PIMCO GIS Income มีประวัติการจัดตั้งมาอย่างยาวนาน จึงทำให้กองทุนผ่านมาแล้วในหลายวัฏจักรเศรษฐกิจ โดยนับตั้งแต่จัดตั้งในปี 2012 PIMCO GIS Income Fund สามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ย 5.22% ต่อปี (as of 28 Feb 2025)
4.กองทุนตราสารหนี้ไทย KKP INRMF
- กองทุนเน้นลงทุนในตราสารหนี้ไทยที่มีคุณภาพสูง โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยที่ A และกองทุนมีเป้าหมายอายุตราสารของพอร์ตโดยเฉลี่ยที่ 1-3 ปี
- ทีมผู้จัดการกองทุนมีการบริหารพอร์ตการลงทุนแบบยืนหยุ่น โดยพิจารณาจากทั้ง Top-down และ Bottom-up มีกระบวนการลงทุนที่มีหลักการชัดเจน ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว และการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
- ทั้งนี้ทีมผู้จัดการลงทุนจะมีการลงทุนเชิงรุก ทั้งเรื่อง Idea Generation การติดตามข้อมูลของบริษัท และมีการปรับพอร์ตการลงทุนในสอดคล้องกับภาวะตลาด
- ทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ในการลงทุนและการวิเคราะห์กว่า 20 ปี โดยทีมผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์มีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ประกอบกับการมี In-house Research ในการช่วยกลั่นกรองและให้มุมมองการลงทุนที่ผสมผสาน เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุน
- กองทุนสามารถทำผลการดำเนินงานได้เฉลี่ยปีละ 2.44% นับตั้งแต่จัดตั้งเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2004 (as of 28 Feb 2025)
Satellite Portfolio คือ พอร์ตการลงทุนส่วนที่เป็นส่วนเสริมเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการจับจังหวะตลาดหรือมีมุมมองในการลงทุนเป็นของตัวเอง หากนักลงทุนมี Core Portfolio อยู่แล้ว และอยากลงทุนใน Theme ที่เติบโตในระยะยาวเพื่อเสริมพอร์ตแนะนำลงทุนกองภาษีที่เป็น Satellite Portfolio
INVX Top Pick RMF: กองทุนลดหย่อนที่แนะนำสำหรับ Satellite Portfolio 4 กองทุน ได้แก่
1.กองทุนหุ้นสหรัฐฯ Active: KUSARMF
- เน้นลงทุนในกองทุนหลัก Brown Advisory US Sustainable Growth Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ หรือบริษัทที่มีรายได้มากกว่า 50% มาจากประเทศสหรัฐฯ มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ประมาณ 30-40 ตัว
- กองทุนหลักใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Long-term โดยมุ่งวิเคราะห์เชิง Bottom-up เพื่อหาบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว และมีมูลค่าที่เหมาะสม
- ผู้จัดการกองทุนหลักมีประสบการณ์สูง โดยมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนเฉลี่ยถึง 24 ปี และยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญอีกมากกว่า 50 คนคอยให้การสนับสนุนเพิ่มเติม
- ตัวอย่างหุ้นที่มีการลงทุน ได้แก่ Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผลระดับโลก, Microsoft บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก, Amazon.com บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่สุดในโลก, Intuit บริษัทด้านซอฟต์แวร์ด้านการเงินและภาษีรายใหญ่ของโลก, ServiceNow บริษัทผู้นำเทคโนโลยีด้านระบบบริหารงาน IT แบบครบวงจรระดับโลก
- ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมากองทุนหลักมีผลการดำเนินงานเฉลี่ย 16.3% ต่อปี เทียบกับดัชนี Russell 1000 Growth ที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 19.4% ต่อปี (as of 28 Feb 2025)
2.กองทุนหุ้นสหรัฐฯ Passive: SCBRMS&P500
- ลงทุนในกองทุนหลัก iShares Core S&P 500 ETF (IVV) ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดการลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ บริหารจัดการโดย BlackRock ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- วัตถุประสงค์ในการติดตามผลการดำเนินงานของดัชนี S&P 500 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 500 บริษัทในสหรัฐฯ โดยดัชนีดังกล่าวเป็นหนึ่งในดัชนีที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและมักถูกใช้เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการวัดผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
- มีการกระจายความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากกองทุนนี้ลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 500 บริษัท จึงครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้การกระจายความเสี่ยงในเชิงของกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- ตัวอย่างหุ้นที่มีการลงทุน ได้แก่ Apple ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีระดับโลก, Microsoft บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก, Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผลระดับโลก, Amazon.com บริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่สุดในโลก, Meta Platforms บริษัทด้านเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย
- กองทุนหลักมีลักษณะเป็น ETF และ Passive Fund มักจะมีค่าธรรมเนียมต่ำ ค่าใช้จ่ายเพียง 0.03% ต่อปีเท่านั้น และสามารถสร้างผลตอบแทนในช่วง 5 ปีย้อนหลังเฉลี่ย 16.8% ต่อปี (as of 28 Feb 2025)
3.กองทุนหุ้นเวียดนาม: PRINCIPAL VNEQRMF
- มีปรัชญาและกระบวนการลงทุนโดยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้วยวิธี Top-down ทั้งในด้านปัจจัยมหภาคทั่วโลก แนวโน้มเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในประเทศ และกลยุทธ์การลงทุนและการวัดความเสี่ยง ประกอบกับการคัดเลือกหุ้นด้วยวิธีการ Bottom-up โดยการวิเคราะห์ข้อมูลทั้ง Quantitative และ Qualitative เพื่อประเมินมูลค่าของหุ้นผ่านการใช้กรอบ FMV (พื้นฐานธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน, แนวโน้มของราคาและกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง, มูลค่าอยู่ในระดับราคาที่น่าสนใจ) รวมทั้งการวิเคราะห์สภาพคล่อง และการเข้าเยี่ยมชมกิจการอย่างสม่ำเสมอ
- บริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนชาวไทยและเวียดนาม 7 ท่าน ทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลในเวียดนามได้โดยตรง
- สร้างพอร์ตการลงทุนโดยเน้นลงทุนในหุ้นบริษัทเวียดนามขนาดใหญ่-กลางประมาณ 20-30 บริษัท ที่มีธรรมาภิบาลดี เพื่อลดโอกาสในการคัดเลือกหุ้นที่ผู้บริหารของบริษัทมีการฉ้อโกง
- ตัวอย่างหุ้นที่มีการลงทุน ได้แก่ FPT Corporation ผู้นำด้านเทคโนโลยีและ IT ในเวียดนาม, Mobile World Investment Corp ผู้นำด้านการค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ในเวียดนาม ครอบคลุมสินค้าเทคโนโลยี, Housing Development Bank ธนาคารพาณิชย์ผู้ให้บริการด้านการเงินครบวงจร, Military Commercial Joint Stock Bank ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำในเวียดนามที่ได้รับการสนับสนุนจากระทรวงกลาโหมเวียดนาม, Hoa Phat Group บริษัทผู้ผลิตเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กชั้นนำในเวียดนาม
- กองทุน PRINCIPAL VNEQRMF มีเป็นหนึ่งในกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น (ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2024) โดยสร้างผลตอบแทน 17.21% นับตั้งแต่ต้นปี 2024
- ขณะที่กองทุน PRINCIPAL VNEQ-A (ที่มีกลยุทธ์การบริหารแบบเดียวกับกองทุน PRINCIPAL VNEQRMF) สร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยปีละ 11.4% เทียบกับ VN Index ที่ 8.2% (as of 28 Feb 2025)
4.กองทุนหุ้นเทคโนโลยี: B-INNOTECHRMF
- ลงทุนในกองทุนหลัก Fidelity Funds – Global Technology Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่กระจายการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลกที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงรวมถึงหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมของเทคโนโลยีราว 50-100 ตัว
- บริหารกองทุนในแนวทาง Contrarian หรือแนวทางสวนกระแส โดยมองหาบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็นและมีศักยภาพในระยะยาว
- กระบวนการลงทุนในกองทุนของกองทุนหลักจะเน้นไปที่การวิเคราะห์เชิงลึก โดยสามารถแบ่งออกเป็น Idea Generation, Research & Analysis, Portfolio Construction & Risk
- พอร์ตการลงทุนประกอบด้วย กลุ่มผู้ชนะระยะยาวมากกว่า 50% ของพอร์ต กลุ่มเติบโตตามวัฏจักรเศรษฐกิจน้อยกว่า 30% ของพอร์ต และกลุ่มที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงน้อยกว่า 30% ของพอร์ต
- ตัวอย่างหุ้นที่มีการลงทุน Microsoft บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก, TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำระดับโลก, Apple ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีระดับโลก, Samsung Electronics บริษัทผู้นำด้านการผลิตชิปและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์, Ericsson บริษัทโทรคมนาคมชั้นนำจากสวีเดน
- ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมากองทุนหลักมีผลการดำเนินงานเฉลี่ย 20.7% ต่อปี เทียบกับดัชนี MSCI ACWI Information Technology ที่สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 20.8% ต่อปี (as of 28 Feb 2025)
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์เอกซ์