ชวนรู้จักกองทุน Equity Premium Income: ทางเลือกสร้างรายได้สม่ำเสมอแม้ตลาดผันผวน

นักลงทุนที่กำลังมองหา Passive Income มักคุ้นเคยกับการลงทุนแบบดั้งเดิมที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้ เช่น เงินปันผลจากหุ้น ดอกเบี้ยจากตราสารหนี้ หรือค่าเช่าจากอสังหาริมทรัพย์ แต่ในบทความนี้ เราอยากพาทุกคนมารู้จักกับกลุ่มกองทุน Equity Premium Income ที่มีเป้าหมายหลักคือการสร้าง Income โดยใช้กลยุทธ์ Covered Call

 

🎯 จุดเด่นหลักของกองทุน Equity Premium Income

1. รายได้สม่ำเสมอทุกเดือน

• จ่ายเงินปันผลทุกเดือน (Monthly Income)
• ผลตอบแทนเป้าหมาย 7-11% ต่อปี (ขึ้นกับกองทุน)

 

2. เติบโตไปพร้อมกับตลาดหุ้น

• ยังได้รับประโยชน์หากตลาดปรับตัวขึ้น
• เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนหุ้น และต้องการสร้าง Income สม่ำเสมอ

 

3. ผลตอบแทนจาก 3 แหล่ง

• เงินปันผลจากหุ้น (1-3% ต่อปี)
• Premium จากกลยุทธ์ Options (5-8% ต่อปี)
• การเติบโตของราคาหุ้น (หักลบส่วนที่เสียโอกาสไป)

 

อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ Covered Call คืออะไร?

Covered Call เป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการถือหุ้นโดย ขาย Call Options บนหุ้นที่ถืออยู่ โดยนักลงทุนจะได้รับค่า Premium (ค่าออปชัน) มาเป็นกระแสเงินสดเพิ่มเติม แต่หากราคาหุ้นขึ้นสูงเกินจุดที่กำหนด อาจต้องขายหุ้นที่ราคาต่ำกว่าตลาด โดยมีตัวอย่างผลตอบแทนตัวอย่างแต่ละสถานการณ์ของตลาด ดังนี้

 

ตลาดขาขึ้น (Bull Market)

ในปีที่ตลาดปรับตัวขึ้นแรง กลยุทธ์ Covered Call อาจได้ผลตอบแทนรวมน้อยกว่าตลาด

💡 ผลตอบแทนน้อยกว่าตลาดแต่ยังได้ Income สม่ำเสมอ

Source: Morningstar as of 21 May 2025

 

ตลาดค่อนข้างนิ่ง (Sideways Market)

ในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบ 0-10% กลยุทธ์ Covered Call สามารถสร้างผลตอบแทนเหนือตลาดได้

💡 เป็นช่วงนี้กองทุนเหล่านี้เด่นที่สุด!

Source: Morningstar as of 21 May 2025

 

ตลาดขาลง (Bear Market)

ตลาดปรับตัวลง -20% แต่กลยุทธ์ Covered Call ปรับตัวลงน้อยกว่าตลาด

💡 ขาดทุนน้อยกว่าตลาด เพราะมี Income ช่วยลดผลกระทบ

Source: Morningstar as of 21 May 2025

 

💡 ข้อควรรู้สำหรับนักลงทุน

 

✅ เหมาะกับใคร

1. นักลงทุนที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอ - รับเงินทุกเดือนไปใช้จ่าย
2. ผู้ที่ใกล้เกษียณหรือเกษียณแล้ว - ต้องการ Income มากกว่าการเติบโต
3. นักลงทุนที่ยังต้องการเติบโตไปพร้อมกับตลาดหุ้น – อยากลงทุนในหุ้น และได้รับ Income สม่ำเสมอ

 

⚠️ ข้อควรระวัง

1. Income อาจผันแปรตามสภาวะตลาด - ไม่ใช่การันตีผลตอบแทนคงที่
2. อาจพลาดโอกาสตอนตลาดขึ้นแรง - ได้ผลตอบแทนน้อยกว่าลงทุนหุ้นโดยตรง
3. ยังมีความเสี่ยงจากตลาดหุ้น - ราคาอาจลงได้ในช่วง Bear Market

 

แนะนำกองทุนในกลุ่ม Equity Premium Income

ในปัจจุบัน มีกองทุนในกลุ่ม Equity Premium Income อยู่ด้วยกัน 3 กองทุน ประกอบด้วย

• K Global Equity Premium Income Fund: ลงทุนหุ้นโลก + ขาย Options บนดัชนี S&P500 (70%) และ MSCI EAFE (30%)
• MFC US Equity Premium Income Fund: ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ในดัชนี S&P500 + ขาย Options บนดัชนี S&P500
• Eastspring Nasdaq Equity Premium Income Fund: ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ในดัชนี Nasdaq 100 + ขาย Options บนดัชนี Nasdaq 100

 

ซึ่งทั้ง 3 กองทุนข้างต้นลงทุนในกองทุนหลักในกลุ่ม Equity Premium Income ที่บริหารโดยบลจ. ระดับโลกอย่าง J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) โดยใช้กลยุทธ์ Covered Call ที่มีการแบ่งพอร์ตออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ Underlying Equity Portfolio + Options Overlay

 

จุดเด่นกองทุนในกลุ่ม Equity Premium Income ของ JPMAM

1. เน้นลงทุนแบบ Active – ใช้ประโยชน์จากทีมนักวิเคราะห์ขนาดใหญ่ของ JPMAM ในการเลือกลงทุนแบบเชิงรุกในดัชนีหุ้นที่กำหนดไว้
2. กลยุทธ์ Options ที่เป็นระบบ – มีกลยุทธ์การขาย Options ที่เป็นระบบ ทำให้สามารถสร้าง Income ที่ต่อเนื่องและสอดคล้องไปกับสภาวะตลาด
3. ค่าใช้จ่ายต่ำด้วย ETF – กองทุนหลักอยู่ในรูปแบบกองทุน ETF ทำให้มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป

 

ตารางสรุปข้อแตกต่างของทั้ง 3 กองทุน

 

🎯 สรุป: เลือกกองทุนไหนดี?

• เลือก K Global Equity Premium Income Fund (JEPG) ถ้าต้องการกระจายความเสี่ยงทั่วโลก ไม่อยากพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่ง
• เลือก MFC US Equity Premium Income Fund (JEPI) ถ้าต้องการ Income จากหุ้นอเมริกันชั้นนำ
• เลือก Eastspring Nasdaq Equity Premium Income Fund (JEPQ) ถ้าต้องการ Income สูงสุด และรับความผันผวนจากหุ้น Tech ได้

 

คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์ เอกซ์