
ในช่วงปี 2025 ที่ผ่านมา ตลาดการลงทุนทั่วโลกปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น
ในขณะที่ปี 2026 แม้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะขยายตัวในอัตราที่ช้าลง แต่ยังได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ ซึ่งยังคงเป็นเสาหลักของวัฏจักรการเติบโตระยะยาว
เงินเฟ้อมีแนวโน้มทรงตัวในระดับที่ควบคุมได้ เปิดโอกาสให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง นำไปสู่ต้นทุนการเงินที่ลดลงและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ฟื้นตัว ประกอบกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการหยุดดูดสภาพคล่อง (QT) จะหนุนให้สภาพคล่องกลับเข้าสู่ระบบ ซึ่งส่งผลให้การกระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่สหรัฐฯ เริ่มกระจายตัวไปยังหุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่ระดับราคายังมีความเหมาะสมและมีคุณภาพดี ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นในประเทศและภูมิภาคอื่นๆ โดยมีค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าช่วยเพิ่มแรงสนับสนุน
ภาพรวมทั้งหมดสะท้อนว่าปี 2026 เป็นช่วงที่โอกาสการลงทุนเริ่มกระจายกว้าง สามารถหวังผลตอบแทนในหลายภูมิภาคและหลายสินทรัพย์มากขึ้น ภายใต้สภาวะดอกเบี้ยที่ลดลงและสภาพคล่องที่เอื้อต่อการเติบโต

โดยพอร์ตของ Goal-based Portfolio จะลงทุนในหลายสินทรัพย์ที่มีการกระจายการลงทุนไปในหลายภูมิภาคทั่วโลก ประกอบด้วยหุ้นโลก ตราสารหนี้โลก ตราสารหนี้ไทย และทองคำ
สำหรับกองทุน KTFIX-1Y3Y, UGIS-N และ UOBSG – H เป็นกองทุนใหม่ที่เข้ามาอยู่ในพอร์ตการลงทุน และสำหรับพอร์ตระยะเวลาการลงทุนต่ำกว่า 1 ปี จะลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น SCBSFFPLUS-I เป็นสินทรัพย์สภาพคล่อง
โดยสัดส่วนการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์จะเป็นไปตามระยะเวลาการลงทุนที่กำหนด อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการลงทุนของผู้ลงทุนแต่ละท่านจะแตกต่างจากเงินต้น เงินลงทุนรายเดือน (DCA) และเงินเป้าหมายที่แตกต่างกัน เช่น หากมีระยะเวลาการลงทุน 5 ปี ตามโมเดลที่แนะนำจะลงทุนในหุ้น 50% ซึ่งเป็นพอร์ตที่สามารถรักษาเงินต้นหากลงทุนในระยะเวลา 5 ปี (ตาม Backtest) และมีผลตอบแทนคาดการณ์ประมาณ 4% ต่อปี โดยหากผู้ลงทุนมีเงินต้นส่วนนึง และมีการ DCA รายเดือน และมีเป้าหมายผลตอบแทนที่ไม่สูงเกินไปนั้น Goal-based Portfolio จะแนะนำพอร์ตการลงทุนที่เสี่ยงน้อยกว่าซึ่งอาจจะลงทุนในหุ้นเพียง 40% ก็อาจสามารถไปถึงเป้าหมายได้เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ลงทุนอยู่ในปัจจุบัน พอร์ตโฟลิโอจะเข้าสู่ช่วงเตรียมความพร้อม (Preparation Period) ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม 2568 ซึ่งท่านจะไม่สามารถเพิ่มหรือถอนเงินลงทุนได้ และจะเริ่มต้นกระบวนการปรับพอร์ตลงทุน (Rebalance Period) ในวันที่ 2 ธันวาคม 2568 และใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จนกว่าการปรับพอร์ตจะเสร็จสิ้น โดยในช่วงดังกล่าวท่านจะไม่สามารถถอนเงินลงทุนออกได้
หมายเหตุ: สำหรับกองทุนที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนใน Model ใหม่ ทั้งนี้ อาจมีการซื้อขายเกิดขึ้นได้ หากน้ำหนักการลงทุนปัจจุบันในกองดังกล่าวไม่เท่ากับน้ำหนักการลงทุนตาม Model อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปงของราคาตลาดในช่วงที่ผ่านมา โดยจะปรับให้สัดส่วนการลงทุนในพอร์ตของท่านเป็นไปตาม Model
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์ เอกซ์