สรุปสาระสำคัญ
Yearbook 2023 "Hopping to the moon"
•สวัสดีครับ…สำหรับ Yearbook 2023 ฉบับนี้ มาด้วยแนวคิด “Hopping to the moon” โดยต้องการจะสื่อถึงมุมมองต่อการลงทุนในปี 2023 ว่า การลงทุนยังคงต้องทำแบบระมัดระวังแม้ว่าเริ่มเห็นโอกาสมากขึ้นก็ตาม เนื่องจาก นโยบายการเงินเริ่มมีสัญญาณผ่อนคลาย อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลง และ จีนเริ่มเปิดประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ได้แก่ เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว (เบา?, แรง?), ความเสี่ยงด้านนโยบาย และ ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ซับซ้อนมากขึ้น ทั้งนี้ 2 ประเด็นหลังเป็นเรื่องที่คาดการณ์ยากจึงถือว่าเป็นความเสี่ยงสำคัญในปี 2023
•หากอ้างอิงจาก Yearbook 2022 ที่เคยประเมินว่าปี 2022 เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะปกตินั้นถือว่า “ผิดคาด” แต่ที่เป็นไปตามคาด คือ “ภาคธุรกิจสามารถกลับมาเติบโตได้” ทั้งนี้ ปี 2022 กลับกลายเป็นปีที่ต้องถูกจดจำว่าเป็นปีที่ยากลำบากที่สุดปีหนึ่งสำหรับการลงทุน โดยสิ่งที่เหนือความคาดหมายอย่างมาก คือ การเปิดประเทศหลังวิกฤต Covid-19 กลับกลายเป็นการสร้างวิกฤตเงินเฟ้อทั่วโลก และ เกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่รุนแรงกว่าคาด ส่งผลให้เกิดวิกฤตพลังงานและอาหาร
•ปี 2023 นักลงทุนต้องติดตาม “ผลการดำเนินงานของธุรกิจ” เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของสินทรัพย์ทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน ในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้และการเติบโต ซึ่งแตกต่าง จากปี 2022 ที่ต้องติดตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังควรให้ความสนใจเรื่องการลงทุนในหุ้นยั่งยืน (ESG) มากขึ้นด้วย เนื่องจากปัจจัยนี้จะกลายเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักมากขึ้นสำหรับทั้งภาคธุรกิจและการลงทุน
•ตลาดหุ้นเด่นปี 2023 ได้แก่ จีน และ เกาหลีใต้ เนื่องจาก Valuation ที่น่าจูงใจ สำหรับ ตลาดหุ้นไทย คาดว่าจะให้ผลตอบแทนปานกลาง ด้าน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ ยุโรป คาดว่า จะยังคงผันผวน จากความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยและผลการดำเนินงานอ่อนแอลง
•ธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใสในปี 2023 ได้แก่ ธุรกิจด้านบริการ เช่น ค้าปลีก อาหาร และ ท่องเที่ยว เพราะยังคงได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ, ธุรกิจพลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า และ บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน เนื่องจาก ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และ ธุรกิจการเงิน เนื่องจาก ความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นจากการใช้เทคโนโลยี (Fintech)
•กลยุทธ์การลงทุนปี 2023 เน้นกลยุทธ์ตั้งรับ (Defensive) โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี ในช่วง 1H23 เพื่อรอสัญญาณดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุด และเศรษฐกิจผ่านช่วงเลวร้ายที่สุด โดยคาดว่าในช่วง 2H23 จะเป็นช่วงที่เหมาะสมในการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงให้มากขึ้นได้
Yearbook 2023 Hopping to the moon
Executive summary
•ปี 2023 นักลงทุนต้องติดตาม “ผลการดำเนินงานของธุรกิจ” เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของสินทรัพย์ทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน ในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้และการเติบโต ซึ่งแตกต่าง จากปี 2022 ที่ต้องติดตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังควรให้ความสนใจเรื่องการลงทุนในหุ้นยั่งยืน (ESG) มากขึ้นด้วย เนื่องจากปัจจัยนี้จะกลายเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักมากขึ้นสำหรับทั้งภาคธุรกิจและการลงทุน
•ตลาดหุ้นเด่นปี 2023 ได้แก่ จีน และ เกาหลีใต้ เนื่องจาก Valuation ที่น่าจูงใจ สำหรับ ตลาดหุ้นไทย คาดว่าจะให้ผลตอบแทนปานกลาง ด้าน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ ยุโรป คาดว่า จะยังคงผันผวน จากความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยและผลการดำเนินงานอ่อนแอลง
•ธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใสในปี 2023 ได้แก่ ธุรกิจด้านบริการ เช่น ค้าปลีก อาหาร และ ท่องเที่ยว เพราะยังคงได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ, ธุรกิจพลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า และ บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน เนื่องจาก ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และ ธุรกิจการเงิน เนื่องจาก ความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นจากการใช้เทคโนโลยี (Fintech)
•กลยุทธ์การลงทุนปี 2023 เน้นกลยุทธ์ตั้งรับ (Defensive) โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี ในช่วง 1H23 เพื่อรอสัญญาณดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุด และเศรษฐกิจผ่านช่วงเลวร้ายที่สุด โดยคาดว่าในช่วง 2H23 จะเป็นช่วงที่เหมาะสมในการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงให้มากขึ้นได้
ปี 2023 ปีแห่งการเปลี่ยนผ่าน: จาก “ยุคแห่งเศรษฐกิจโตต่ำ ดอกเบี้ยต่ำ เงินเฟ้อต่ำ” สู่ “ยุคดอกเบี้ยสูง-เศรษฐกิจผันผวนมากขึ้น”
•ในปี 2023 เศรษฐกิจโลกและไทยจะท้าทายมาก เนื่องจากเป็นปีเปลี่ยนผ่าน จากโลกที่เงินเฟ้อต่ำ-ดอกเบี้ยขยายตัวต่ำ-เศรษฐกิจโตต่ำ (Low rate- Low growth) ไปสู่ระบอบเศรษฐกิจใหม่ (New Economic Regime) โดยภาพเศรษฐกิจโลกในปี 2023 นี้ จะมีลักษณะสำคัญ 3 ประการ คือ
1.การเติบโตของเศรษฐกิจจะมีความแตกต่างกัน (Divergence) ระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา โดยในเศรษฐกิจตลาดพัฒนาแล้วจะเกิดภาวะถดถอยอย่างอ่อนๆ จากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้บริษัทขนาดใหญ่ล้มละลาย (Big credit events) ทำให้ต้องลดดอกเบี้ยลงใน 2H23
2.เงินเฟ้อ ในภาพใหญ่ เงินเฟ้อโลกได้ทำจุดสูงสุดไปแล้วและกำลังจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากภาวะฐานสูงและเศรษฐกิจโลกที่จะชะลอลงแรง และ
3.ดอกเบี้ย ด้วยภาวะเงินเฟ้อที่แม้ลดลงแต่ไม่เท่ากัน ประเทศพัฒนาแล้วจึงยังจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องด้วยอัตราที่สูงกว่ากำลังพัฒนา ทำให้เกิดภาวะถดถอย (Recession) ทำให้ประเทศเจริญแล้ว และต้องลดดอกเบี้ยลงและผ่อนคลายนโยบายการเงินใน 2H23 และทำให้ดอกเบี้ยของประเทศเจริญแล้วและกำลังพัฒนากลับเข้ามาใกล้กัน (Convergence) ขึ้น
ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ที่ แอป InnovestX