PDF Available  
เคาะซื้อ Weekly strategy

เคาะซื้อ Weekly Strategy: 10 - 14 March 2025

By ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ|7 Mar 25 5:00 PM
สรุปสาระสำคัญ

#Theme Play: คงคำแนะนำเข้าสะสมหุ้น U.S. Financials Sector กองทุน TUSFIN-A, ตราสารหนี้โลกคุณภาพดี กองทุน UGIS-N, หุ้น U.S. Small Cap กองทุน ASP-USSMALL, หุ้นเวียดนาม กองทุน PRINCIPAL VNEQ-A และ ทองคำ กองทุน BGOLD

 

#Event Play: แนะนำเข้าลงทุนหุ้นเฮลท์แคร์โลก กองทุน LHHEALTH-A ตัดขายขาดทุนหุ้นสหรัฐฯ คุณภาพดี กองทุน AFMOAT-HA และคงคำแนะนำเข้าสะสมหุ้นเกาหลีใต้ กองทุน DAOL-KOREAEQ, หุ้นจีน กองทุน K-CHINA-A(A)

 

ตราสารทุน

ตลาดหุ้นมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนจากประเด็นสงครามการค้า คาดว่าตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นอย่างยุโรป จีน และถึงเวียดนาม ที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวมีโอกาส Outperform ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ต่อ อีกทั้ง หุ้น Growth มีโอกาส Underperform หุ้น Value และ Defensive จากตลาดที่ยังผันผวน

 

ตราสารหนี้

Bond Yield สหรัฐฯ ปรับตัวลงตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาชะลอตัวและแย่กว่าที่คาดการณ์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความผันผวนของตลาดหุ้น การลงทุนในตราสารหนี้จะช่วยลดความผันผวนให้กับพอร์ตได้

 

สินทรัพย์ทางเลือก

ราคาทองคำผันผวน จากการเจรจายุติสงครามยูเครน-รัสเซีย ยังอยู่บนโต๊ะเจรจา อีกทั้ง เห็นแรงขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เรามองว่าทองคำยังน่าสนใจ ในภาวะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากสงครามการค้า

[Theme Play]

 

U.S. Financials Sector: คงคำแนะนำเข้าสะสม กองทุน TUSFIN-A กำไรมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และได้ประโยชน์จากนโยบายของ Trump ที่สนับสนุนกลุ่มการเงิน รวมถึง Yield Curve ที่กลับมาเป็น Normal Yield Curve และมีแนวโน้มเป็นลักษณะ Steepening จะส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคาร

 

Fixed Income: คงคำแนะนำเข้าสะสม กองทุน UGIS-N ผลตอบแทนของตราสารหนี้ (Bond yield) อยู่ในระดับสูงในรอบหลายปี ประกอบกับความสามารถในการกระจายความเสี่ยงที่มีความจำเป็นในภาวะความผันผวนจากสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นในปีนี้

 

U.S. Small Cap: คงคำแนะนำเข้าสะสม กองทุน ASP-USSMALL กำไรฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด และมีแนวโน้มฟื้นตัวโดดเด่นในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ปี 2025 ประกอบกับ Valuation และราคา Laggard จากหุ้นขนาดใหญ่พอสมควรทำให้ Upside เปิดกว้าง ทั้งนี้ ระยะสั้นได้รับกระทบค่อนข้างสูงจากสงครามการค้า

 

Vietnam Equity: คงคำแนะนำเข้าสะสม กองทุน PRINCIPAL VNEQ-A เศรษฐกิจเวียดนามแข็งแกร่ง และผลประกอบการขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึง Valuation อยู่ในระดับถูก อีกทั้งในปีนี้มีโอกาสที่ตลาดหุ้นเวียดนามจะถูกยกระดับจาก FTSE Frontier เป็น FTSE EM ซึ่งจะช่วยให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าจากต่างประเทศได้ 

 

Gold: คงคำแนะนำเข้าสะสม กองทุน BGOLD ทองคำยังคงได้รับแรงสนับสนุนหลักจากอุปสงค์ของธนาคารกลางทั่วโลก และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์รวมถึงประเด็นสงครามการค้า อีกทั้ง วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงส่งผลให้เกิดแรงซื้อจากกองทุน SPDR เป็นอีกปัจจัยหนุนต่อทองคำในช่วงต่อจากนี้

 

[Event Play]

 

Global Healthcare: แนะนำเข้าลงทุน กองทุน LHHEALTH-A ได้แรงหนุนจาก Rotation จากกลุ่ม Growth เข้าสู่กลุ่ม Defensive จากความผันผวนในตลาดโลกที่สูงขึ้น และภาพทางเทคนิคดูดีหลังราคาทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน อีกทั้ง Valuation ยังอยู่ในระดับที่ไม่แพง 

 

Korea Equity: คงคำแนะนำเข้าสะสม กองทุน DAOL-KOREAEQ โมเมนตัมของตลาดหุ้นเกาหลีใต้แข็งแกร่ง จากสัญญาณการฟื้นตัวใน Korea Consumer Confidence และ Korea PMI Manufacturing รวมถึง Valuation ยังอยู่ในระดับถูก

 

China Equity: คงคำแนะนำเข้าสะสม กองทุน K-CHINA-A(A) ได้แรงหนุนจากผลการประชุม Two Sessions ที่ออกมาในโทนบวก ประกอบกับการมาของ DeepSeek ช่วยหนุนโมเมนตัมหุ้นจีน อีกทั้ง การที่รัฐบาลหันกลับมาสนับสนุนภาคเอกชน มองว่าเป็น structural change สำหรับการลงทุนในหุ้นจีน

 

 

[Weekly Action]

เคาะซื้อหุ้นกลุ่ม Global Healthcare ในระยะสั้น ผ่านกองทุน LHHEATH-A ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงทั่วโลกผ่านกองทุนหลัก AB International Health Care Portfolio โดยมอง Target ผ่านดัชนี IXJ ETF ที่ $99.88 และกำหนดจุด Stop loss ไว้เมื่อดัชนีปรับตัวลงต่ำกว่า $88.88

 

image-(8).png

Source: TradingView as of 7 Mar 2025

 

Rationale : INVX แนะนำเข้าลงทุนระยะสั้นใน Global Healthcare ผ่านกองทุน LHHEALTH-A จากปัจจัยบวก ดังนี้

  1. ในระยะสั้นตลาดหุ้นจะยังมีความผันผวนสูงจากประเด็นสงครามการค้า และเศรษฐกิจชะลอตัว จึงน่าจะเห็นการ Rotation จากหุ้น Growth เข้าหุ้นกลุ่ม Defensive โดยกลุ่ม Healthcare ที่มี sub-sector อย่าง Pharmaceuticals และ Health Services จึงน่าจะได้รับอานิสงส์บวก และค่อนข้างทนทานต่อสภาวะดังกล่าว
  2. Valuation หุ้นกลุ่ม Healthcare ยังอยู่ในระดับไม่แพง มีความตึงตัวน้อย โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในบริษัทที่ได้ประโยชน์จากธุรกิจสุขภาพ เช่น พิจารณาถึงแนวทางการรักษาและการบำบัดรูปแบบใหม่ ๆ หรือการเสนอสิทธิประโยชน์ในการลดค่าใช้จ่ายในด้านการดูแลสุขภาพให้กับลูกค้า เป็นต้น
  3. ราคาของดัชนี IXJ ETF ทะลุผ่านเส้น 200 SMA ทำให้ภาพทางเทคนิคดูดี อีกทั้ง ราคามีการเคลื่อนไหวในลักษณะ Inverse Head and Shoulders ทำให้มีแนวโน้มกลับตัวเป็นขาขึ้น

 

กองทุนแนะนำ: LHHEALTH-A

 

จาก Universe กองทุนรวมที่ลงทุนใน Global Healthcare Equity ของทาง INVX มีทั้งหมด 23 กองทุนไทย และ 13 กองทุนหลักด้วยกัน (Update as of 31 Jan 2025)

Picture2.jpg

Source: Fund Factsheet

 

แนวทางการพิจารณาคัดเลือกกองทุน LHHEALTH-A

  1. พิจารณากองทุนหลักที่มี MSCI World Health Care Index หรือ MSCI ACWI Health Care Index เป็นดัชนีชี้วัด เพื่อให้ตอบโจทย์กลยุทธ์การลงทุนที่ต้องการกระจายลงทุนในหุ้นกลุ่มการแพทย์ทั่วโลก ซึ่งประกอบไปด้วย 6 กองทุนหลัก ดังนี้Picture3.jpg
  2. เพื่อตอบโจทย์กลยุทธ์การลงทุนในข้างต้น INVX ยังเน้นคัดเลือกกองทุนที่มีสัดส่วนการลงทุนในอุตสาหกรรมย่อยอย่าง Pharmaceuticals และ Services ในระดับที่ใกล้เคียงกับดัชนี MSCI World Health Care Index จึงถูกคัดออกมาเหลือ 4 กองทุนหลัก ดังนี้

Picture4.jpg

Source: Fund Factsheet as of 31 Jan 2025 | Disclaimer: Aggregations are conducted at INVX's discretion. As a result, figures may differ from those shown in the fund factsheets.

  1. พิจารณาจากความสัมพันธ์เชิงสถิติ
    • พิจารณาจาก Correlation หรือ ค่าสหสัมพันธ์ เพื่อหากองทุนที่มีทิศทางการเคลื่อนไหวสอดคล้องไปกับดัชนี MSCI World Health Care Index ในช่วง 1 ปีย้อนหลัง และตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่ดัชนี MSCI World Health Care Index สามารถ outperform ดัชนี MSCI World Index

Picture5.jpg

Picture6.jpg

Source: Bloomberg as of 16 Feb 2025

 

สรุปจุดเด่นของกองทุน LHHEALTH-A

  1. กองทุน LHHEALTH-A เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มการแพทย์ทั่วโลกผ่านกองทุนหลัก AB International Health Care Portfolio
  2. ทีมผู้จัดการกองทุนหลักมีประสบการณ์สูง โดยมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเฉลี่ยรวมกันกว่า 17 ปี
  3. เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มการแพทย์ทั่วโลก ที่มีคุณภาพสูงราว 40 – 60 บริษัท
  4. ทีมผู้จัดการกองทุนหลักเน้นคัดเลือกหุ้นผ่านกระบวนการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานแบบ Bottom-up อย่างเข้มข้น
  5. ทีมผู้จัดการกองทุนหลักมีปรัชญาการลงทุนที่ชัดเจน โดยจะเน้นคัดเลือกลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพสูง
  6. ทีมผู้จัดการกองทุนหลักมักจะมองหา และเลือกลงทุนในบริษัทที่สามารถสร้างผลตอบแทนต่อเงินทุนได้ มีงบดุลแข็งแกร่ง มีความสามารถในการแข่งขัน และเป็นธุรกิจที่มีการ reinvest ต่อเนื่อง
  7. มีการนำปัจจัยด้าน ESG มาพิจารณาประกอบการคัดเลือกหุ้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าหุ้นในพอร์ตจะเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาลดี
  8. พอร์ตการลงทุนปัจจุบันเน้นลงทุนในอุตสาหกรรม Pharmaceuticals, Biotechnology, Health Care Providers & Services, Health Care Equipment & Supplies และ Life Sciences Tools & Services เป็นหลัก (as of 31 Jan 2025)
  9. กองทุนหลักมี Correlation หรือค่าสหสัมพันธ์ต่อดัชนี MSCI World Health Care Index ที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับกองทุนในกลุ่มเดียวกัน
  10. ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด โดยกองทุนหลักสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 10.6% เทียบกับ MSCI World Health Care Index ที่เฉลี่ยปีละ 9.6% (as of 28 Feb 2025)

 

กองทุน กองทุนเปิด แอล เอช เฮลธ์ อินโนเวชั่น ชนิดสะสมมูลค่า (LHHEALTH-A) เป็นกองทุนในกลุ่ม Health Care Equity ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก AB International Health Care Portfolio ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มการแพทย์ทั่วโลก

 

(Disclaimer: กองทุน LHHEALTH-A มีการเปลี่ยนแปลงกองทุนหลักจาก Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund มาสู่ AB International Health Care Portfolio ณ วันที่ 1 Mar 2023)

 

กองทุนหลักถูกบริหารโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเฉลี่ยรวมกันกว่า 17 ปี และมุ่งลงทุนโดยอาศัยกระบวนการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนในหุ้นกลุ่มการแพทย์ราว 40 – 60 บริษัททั่วโลก

Picture7.jpg

 

Picture8.jpg

Source: AB Presentation as of December 2024

 

ทีมผู้จัดการกองทุนหลักมีปรัชญาการลงทุนที่ชัดเจน โดยจะเน้นการคัดเลือกลงทุนในธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนต่อเงินทุนได้ มีงบดุลแข็งแกร่ง มีความสามารถในการแข่งขัน และเป็นธุรกิจที่มีการ reinvest ต่อเนื่องเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืนในอนาคตได้ ในขณะเดียวกัน ผู้จัดการกองทุนหลักยังให้ความสำคัญกับพื้นฐานของธุรกิจมากกว่าการคาดเดาผลการทดการลองยา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าหุ้นที่อยู่ในพอร์ตจะต้องเป็นธุรกิจที่มีคุณภาพสูง

Picture9.jpg

Source: AB Presentation as of December 2024

 

นอกจากนี้ ทีมผู้จัดการกองทุนหลักจะทำวิจัยด้าน ESG ในเชิงลึก และนำประเด็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาเลือกลงทุนเพิ่มเติมด้วย

 

ซึ่งปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดก็ช่วยให้กองทุน AB International Health Care Portfolio มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในระยะยาว โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 10.6% เทียบกับ MSCI World Health Care Index ที่เฉลี่ยปีละ 9.6% (as of 28 Feb 2025) รวมถึงกองทุนยังสามารถทำ Upside Capture ได้ที่ 101.7% และ Downside Capture ได้ 96.5% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บ่งชี้ถึงความสามารถของผู้จัดการกองทุนในการเอาชนะดัชนีชี้วัดได้ในทุกสภาวะตลาด

 

กลุ่มอุตสาหกรรม (Update as of 31 Jan 2025)

  1. Pharmaceuticals 39.6%
  2. Biotechnology 21.3%
  3. Health Care Providers & Services 16.5%
  4. Health Care Equipment & Supplies 12.5%
  5. Life Sciences Tools & Services 7.2%

 

ตัวอย่างหุ้น 5 ตัวแรกที่พอร์ตการลงทุนถืออยู่ (Update as of 31 Jan 2025)

  • Eli Lilly เป็นบริษัทเวชภัณฑ์ระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญด้านการวิจัย พัฒนา และผลิตยาเพื่อรักษาโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน มะเร็ง และโรคทางระบบประสาท
  • UnitedHealth Group เป็นบริษัทด้านการดูแลสุขภาพและประกันสุขภาพชั้นนำของสหรัฐฯ
  • Roche Holding เป็นบริษัทเวชภัณฑ์และเทคโนโลยีชีวภาพจากสวิตเซอร์แลนด์ เชี่ยวชาญด้านการวิจัย พัฒนา และผลิตยาเฉพาะทาง รวมถึงนวัตกรรมด้านการวินิจฉัยโรค
  • Merck & Co เป็นบริษัทยาและเวชภัณฑ์ระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญด้านการวิจัย พัฒนา และผลิตยา วัคซีน และนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคต่าง ๆ
  • Gilead Sciences เป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนายาสำหรับโรคร้ายแรง

 

ผลการดำเนินงานของกองทุนหลักย้อนหลัง (Update as of 28 Feb 2025)

  • กองทุนสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ -0.8% เทียบกับ MSCI World Health Care Index ที่ 3.6%
  • กองทุนหลักสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี เฉลี่ยปีละ 4.6% เทียบกับ MSCI World Health Care Index ที่ 5.0%
  • กองทุนหลักสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยปีละ 10.6% เทียบกับ MSCI World Health Care Index ที่ 9.6%

 

เคาะขายกองทุน AFMOAT-HA ที่มีแนะนำเข้าลงทุนครั้งแรกวันที่ 18 ต.ค. 2024 เนื่องจาก

  1. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัวลง จากที่ก่อนหน้านักวิเคราะห์คาดหวังไว้ในระดับสูง ประกอบกับนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นจากการที่ ปธน.ทรัมป์ เล่มสงครามภาษีปรับเปลี่ยนไปมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง 
  2. กำไรของดัชนี MOAT ถูกปรับประมาณการลง ส่งผลให้ราคาเริ่มเคลื่อนไหว underperform ดัชนี S&P500 ในภาพรวม 
  3. ดัชนี MOAT ETF ปรับตัวหลุดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ทำให้ภาพรวมทางเทคนิคค่อนข้างอ่อนแอ ประกอบกับราคายังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบขาลง 

 

คลิกที่นี่เพื่อดูกองทุนเคาะซื้อใน INVX Satellite Portfolio ล่าสุด

 

คำเตือน: ผลการดำเนินในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนที่ได้รับในอนาคต กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์ เอกซ์

Author
DR RHATSARUN TANAPAISANKIT
ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ

Senior Vice President

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5