เคาะซื้อ Weekly strategy

[เคาะซื้อฉบับพิเศษ] มุมมองการลงทุนจีนปี 2025: ก้าวใหม่สู่การฟื้นตัวเศรษฐกิจจากพลัง AI และนโยบายสนับสนุนภาคเอกชน

By ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ|6 Mar 25 8:28 PM
จีนปี 2025: มุมมองการลงทุนในจีน โดย InnovestX
สรุปสาระสำคัญ

เศรษฐกิจจีนในปี 2024 เติบโตอ่อนแอเนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก การชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่หดตัว แม้รัฐบาลผ่อนคลายหลายมาตรการแล้วก็ตาม สำหรับปี 2025 คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและมาตรการกระตุ้นการบริโภค รัฐบาลตั้งเป้าการเติบโต GDP ที่ 5% และมีท่าทีสนับสนุนภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับนโยบายเข้มงวดก่อนหน้า


จุดเด่นสำคัญของจีนในปี 2025 คือการพัฒนา AI DeepSeek ซึ่งเป็น AI ต้นทุนต่ำที่แสดงศักยภาพทางเทคโนโลยีของจีน และการประชุมระหว่างประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กับผู้นำภาคเอกชน สะท้อนท่าทีที่เป็นมิตรต่อธุรกิจมากขึ้น


อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังคงมีจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีก 10% แต่คาดว่าผลกระทบจะน้อยกว่าในอดีต เพราะจีนได้ลดการพึ่งพาการส่งออกและพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศมากขึ้น ในแง่การลงทุน ตลาดหุ้นจีนยังมีโอกาสเติบโตได้ดี โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ค่า Forward P/E ที่ 11 เท่า ยังต่ำกว่าตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ทำให้มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้อีก

ภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังคงเปราะบาง แต่เริ่มเห็นการ "ฟื้นตัว"


เศรษฐกิจจีนในปี 2024 ที่ผ่านมามีการเติบโตที่อ่อนแอและเปราะบางจากหลายปัจจัย ทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก การชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคจีนที่หดตัว จนเกิดสภาวะเงินฝืด แม้ว่ารัฐบาลจะผ่อนคลายมาตรการหลายๆ อย่าง เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่น แต่การฟื้นตัวของการบริโภคและภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเปราะบางและเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความสามารถในการเติบโตของธุรกิจจีน


อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 นี้ เราคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์จีนที่มีเสถียรภาพมากขึ้นจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้เริ่มฟื้นกลับคืนมา โดยในปี 2025 รัฐบาลจีนตั้งเป้าหมายที่จะรักษาการเติบโตของ GDP ที่ระดับ 5% โดยเน้นการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ ลดการพึ่งพาการส่งออก และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน รวมถึงรัฐบาลจีนเปลี่ยนท่าทีกลับมาส่งเสริมภาคเอกชน จากเดิมที่เคยเข้มงวดต่อภาคเอกชนอย่างมาก โดยรัฐบาลจีนจะให้ภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อนหลักต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งถือเป็นท่าทีที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภค นอกจากนี้ รัฐบาลจีนประกาศสนับสนุนการพัฒนาและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่ และการมาของ AI DeepSeek ถือเป็นตัวแปรใหม่ที่สำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน และในแง่ของ Advance Technology ท้าทายบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ อีกครั้ง

 


ทบทวนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมา

 

มาตรการที่ออกมาแล้ว รัฐบาลจีนได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้าน เช่น ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและระยะกลาง รวมถึงปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR), ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีอยู่เดิม (Existing Mortgage), ปรับลดเงินวางดาวน์ซื้อบ้านหลังที่ 2, อัดฉีดเม็ดเงินเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและผู้บริโภค รวมถึงอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดหุ้น


มาตรการเพิ่มเติมจากการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ในวันที่ 4-5 มีนาคมนี้ เช่น รัฐบาลจีนตั้งเป้าการขาดดุลงบประมาณที่ 4% ของ GDP ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ, รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่า จะออกมาตรการพิเศษ เพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และกันงบประมาณ 3 แสนล้านหยวน เพื่อขยายโครงการเงินอุดหนุนผู้บริโภค, รัฐบาลจีนประกาศสนับสนุนการพัฒนาและใช้งานโมเดล AI ขนาดใหญ่ โดยจะจัดสรรเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการพัฒนา AI และ 6G เป็นต้น (สามารถเพิ่มเติมได้จากบทความที่ออกเมื่อเช้าวันนี้)

 


ประเด็นที่น่าสนใจของจีน

 

ปี 2025 ถือเป็นปีสำหรับความหวังของตลาดหุ้นจีน หลังประเทศจีนมีพัฒนาการเชิงบวกจากการมาของ AI DeepSeek ซึ่งถือเป็น AI ต้นทุนต่ำ และเป็นการแสดงศักยภาพของจีนในการเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัย นอกจากนี้ การพบปะระหว่างประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กับผู้นำภาคเอกชนจีน ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคเอกชน จากท่าทีของรัฐบาลจีนที่เป็นมิตรต่อภาคเอกชนมากขึ้น การประชุมระหว่าง สี จิ้นผิง กับผู้นำภาคเอกชนถือเป็นสัญญาณที่รัฐบาลจีนต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและภาคบริการ ซึ่งเคยได้รับผลกระทบจากนโยบายควบคุมที่เข้มงวดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หากรัฐบาลมีแนวโน้มสนับสนุนภาคเอกชนมากขึ้นและผลักดันภาคเอกชนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจีน จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นจีนในระยะข้างหน้า


อย่างไรก็ตาม ประเด็นด้านผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ถือเป็นปัจจัยกดดันต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน โดยสหรัฐฯ จะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนขึ้นอีก 10% ซึ่งจะกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออก รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเพิ่มขึ้นภาษีได้อีกในอนาคต ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา จีนพยายามลดการพึ่งพาการส่งออกและหันมาเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ จึงคาดว่าผลกระทบต่อประเด็นสงครามการค้าในรอบนี้จะไม่มากเหมือนกับช่วง Trump 1.0 โดนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศจะเป็นประเด็นหลักที่นังลงทุนให้ความสำคัญมากกว่า 

 


มุมมองการลงทุน


ตลาดหุ้นจีนทำผลตอบแทนได้โดดเด่นในปี 2025 นำโดยหุ้นอิงดัชนี Hang Seng Technology โดยได้รับแรงหนุนจาก DeepSeek และท่าทีของรัฐบาลจีนที่เป็นมิตรต่อภาคเอกชน เรามีมุมมองว่าแม้ตลาดหุ้นจีนจะปรับตัวขึ้นมาพอสมควร แต่ยังมีแรงส่งเสริมต่อ Sentiment ของตลาดหุ้นจีนให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ จากมาตรการและนโยบายของทางการจีนที่เน้นการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน นอกจากนี้ Valuation ของตลาดหุ้นจีนยังอยู่ในระดับที่ไม่แพง ดัชนี MSCI China มี Forward P/E อยู่ที่ 11 เท่า เทียบกับตลาดหุ้น EM ดัชนี MSCI EM ที่มี Forward P/E อยู่ที่ 12 เท่า เรามองว่า Forward P/E ของจีนมีโอกาสปรับขึ้น (P/E Ratio Re-rating) เข้าใกล้ระดับของตลาดหุ้น EM จากการที่รัฐบาลสนับสนุนภาคธุรกิจและ AI DeepSeek ทำให้ยังมี Valuation gap อยู่พอสมควรสำหรับ Upside ต่อตลาดหุ้นจีน 

Author
DR RHATSARUN TANAPAISANKIT
ดร.รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ

Senior Vice President

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5