ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงอยู่ในช่วง พักฐาน โดย Bitcoin (BTC) เคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง $105,500-$113,500 และ Altcoins มีการปรับตัวลงแรงกว่า ขณะที่ดัชนี Fear and Greed ยังคงติดอยู่ในโซน "Fear" (28) อย่างไรก็ตาม กระแสเงินทุน ชี้ให้เห็นถึงความมั่นใจของนักลงทุนสถาบันใน BTC เหนือกว่า ETH โดยมีเงินไหลเข้าสุทธิ Spot Bitcoin ETF ถึง $335.43M สวนทางกับ Spot Ethereum ETF ที่ไหลออก -$22.8M ส่งผลให้ Bitcoin Dominance (BTC.D) ปรับตัวสูงขึ้น
สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษในสัปดาห์หน้าคือการประชุม FOMC และรายละเอียดการยุติ QT ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนตลาดในระยะสั้น รวมถึงความคืบหน้าด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน นอกจากปัจจัยมหภาคแล้ว ยังมี ข่าวบวกเชิงโครงสร้าง ที่น่าสนใจ คือ ฮ่องกง อนุมัติ Spot Solana ETF ตัวแรกของโลก ซึ่งตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางคริปโทฯ ในเอเชีย และการที่ Fed พิจารณาเปิดบัญชีชำระเงินให้บริษัทคริปโทฯ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกระยะยาวในการผสานอุตสาหกรรมเข้าสู่ระบบการเงินดั้งเดิม นอกจากนี้ สัญญาณเชิงเทคนิค จาก BTC/XAU Ratio ที่อยู่ในโซนต่ำสุดบ่งชี้ว่า BTC อาจมีโอกาสกลับมา Outperform ทองคำได้อีกครั้ง เมื่อราคาทองคำเริ่มชะลอตัว
นักลงทุนกำลังอยู่ในโหมด "Fear" (ดัชนี Fear & Greed Index : 28) โดยแสดงความกังวลใน Altcoins เห็นได้จาก Bitcoin Dominance (BTC.D) ที่ปรับตัวขึ้น
Fund Flow: สถาบันยังคงเชื่อมั่นใน BTC มากกว่า ETH สะท้อนจาก Spot Bitcoin ETF ที่มีเงินไหลเข้าสุทธิ $335.43M ขณะที่ Spot Ethereum ETF มีเงินไหลออกสุทธิ -$22.8M หากเงินยังคงไหลออกจาก ETH อาจกดดันราคา Altcoins อื่นๆ ตามมา
On-chain Insight: หลังเหตุการณ์ Forced Liquidation ครั้งใหญ่ นักลงทุนจำนวนมากเปลี่ยนพฤติกรรมมาซื้อขายใน ตลาด Spot มากขึ้น ทำให้ปริมาณการเทรด Spot พุ่งสูงถึง $15B ต่อวัน บ่งชี้ถึงการกลับมาของ สภาพคล่อง ในตลาด Spot และเป็นสัญญาณบวกต่อความเชื่อมั่นในระยะยาว
มีข่าวดีที่บ่งชี้ถึงการเติบโตและการยอมรับในระดับสถาบัน:
1. Fed และการเข้าถึงระบบดั้งเดิม: ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) พิจารณาเปิด บัญชีการชำระเงิน (Payment Accounts) ให้บริษัทคริปโทฯ/ฟินเทค ซึ่งจะช่วยให้ภาคคริปโทฯ เข้าถึงระบบการเงินแบบดั้งเดิมได้ง่ายขึ้น ลดการพึ่งพาธนาคารตัวกลาง และสร้างความชัดเจนด้านกฎระเบียบ
2. เอเชียเป็นศูนย์กลาง
- ฮ่องกง อนุมัติ Spot Solana ETF ตัวแรกของโลก เตรียมเปิดเทรดในสัปดาห์นี้ หลังจากเปิดตัว BTC และ ETH ETF ไปก่อนหน้า
- บริษัทจดทะเบียนใน โตเกียว ได้ซื้อ ETH เพิ่มกว่า 2,300 เหรียญ ทำให้กลายเป็นผู้ถือครองรายใหญ่ที่สุดนอกสหรัฐฯ
มีความสัมพันธ์ที่น่าสนใจระหว่าง Bitcoin และทองคำ:
การโยกย้ายเงินทุน: ในอดีต เมื่อราคาทองคำเริ่ม ชะลอตัว (Sideways) มักเป็นช่วงที่ Bitcoin เริ่มฟื้นตัว ซึ่งอาจสะท้อนถึงการโยกเงินจากสินทรัพย์ปลอดภัยไปสู่สินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
BTC/XAU Ratio: ปัจจุบัน อัตราส่วน BTC/XAU ได้ปรับตัวลงสู่โซนต่ำสุดในรอบปี และราคาทองเริ่มชะลอตัว สัญญาณนี้เคยเป็นจุดที่ Bitcoin กลับมา Outperform ทองคำ ในช่วงถัดไปหลายครั้ง
Bitcoin กำลังได้รับการยอมรับในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก:
คำแนะนำจากสถาบัน: สถาบันการเงินระดับโลก เช่น J.P. Morgan แนะนำให้นักลงทุนจัดสรร BTC ประมาณ 4% ของพอร์ตเพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตและกระจายความเสี่ยง
ศักยภาพการเติบโต: การวิเคราะห์ชี้ว่า หากมีเงินทุนเพียง 1–5% จากทองคำไหลเข้าสู่ Bitcoin ราคาอาจเพิ่มขึ้นได้มากกว่า $240,000 สะท้อนว่า BTC มีศักยภาพที่จะขยับขึ้นสู่ Top 5 Global Assets เคียงข้างทองคำ, Apple และ Microsoft ได้ในอนาคต
สำหรับนักลงทุน: ตลาดอยู่ในช่วงพักฐานที่เต็มไปด้วยความผันผวนจากปัจจัยมหภาค แต่มีปัจจัยบวกระยะยาวจากการยอมรับของสถาบันและกฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้น การกลับมาของ Fund Flow ใน Spot ETF และสัญญาณที่บ่งชี้ว่า BTC อาจเริ่มกลับมาแข็งแกร่ง (Outperform ทองคำ) จึงเป็นสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้