สวัสดีตอนเช้า - 22 ม.ค. 2568

กรอบบนจำกัดแถว 1360-1365 จุด

 

ประเด็นสำคัญ

• เฟดเริ่มเข้าสู่ช่วง Blackout Period ก่อนการประชุม FOMC ครั้งแรกของปี 2568 ในวันที่ 28-29 ม.ค. โดยล่าสุด FedWatch Tool ชี้ว่ามีโอกาสสูงที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.25-4.50%
• ปธน. ทรัมป์เพิกถอนคำสั่งบริหารปี 2567 ที่กำหนดให้การพัฒนา AI ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสหรัฐฯ ต้องแบ่งปันผลการทดสอบแก่รัฐบาลก่อนเผยสู่สาธารณะ ตามกฎหมาย Defense Production Act (DPA) เนื่องจากมองว่าเป็นอุปสรรคต่อนวัตกรรมด้าน AI
• ปธน. ทรัมป์ประกาศแผนลงทุน 5 แสนล้านดอลลาร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และสร้าง Data Center ในระยะ 4 ปีข้างหน้า แก่ Stargate ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนโดย OpenAI, Softbank และ Oracle
• ที่ประชุมครม. มีมติให้จัดทำฐานข้อมูลผู้สูงอายุตามสิทธิ/สวัสดิการที่จะรับรายบุคคลเพื่อขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุ เพื่อนำมากำหนดนโยบายสำหรับผู้สูงอายุและกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพ
• ครม. อนุมัติหลักการแนวทางจัดเก็บภาษีคาร์บอนในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีภายในซึ่งไม่กระทบต่อราคาปลีก และกำหนดราคาภาษีคาร์บอนที่ 200 บาท/ตัน
• จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยสะสมระหว่างวันที่ 1-19 ม.ค. 2568 ที่ 2,139,901 คน หรือเพิ่มขึ้น 18.6%YoY หนุนจากนักท่องเที่ยวระยะใกล้ โดยเฉพาะจีน ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวระยะไกลเริ่มชะลอตัว
• กรมสรรพสามิตเตรียมเดินหน้าการจัดเก็บภาษีความเค็มโดยจะเริ่มจากขนมขบเคี้ยวก่อน คาดจะมีความชัดเจนภายในปี 2568 สอดคล้องกับ WHO ที่แนะนำไทยควรลดการบริโภคโซเดียมลง 30% และการจัดเก็บภาษีความหวานที่ประสบความสำเร็จและช่วยลดการบริโภคน้ำตาล

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด ทั้งนี้แม้มองปัจจัยภายนอกจากภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยมีท่าทีดีขึ้น รวมถึงผลประกอบการ 4Q67 ของ บจ. ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่ง และท่าทีของว่าที่ปธน. สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังทำให้ตลาดคลายกังวลได้ในระดับนึง แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยภายในประเทศ (นอกเหนือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ) ยังมีแนวโน้มเปราะบางจากการขาดความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศ อีกทั้งกระแสเงินของนักลงทุนต่างชาติยังไม่มีสัญญาณกลับมาซื้อหุ้นไทยอย่างมีนัยฯ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET มีโอกาสฟื้นแต่ภาพรวมยังเปราะบางหลังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้

1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีน อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการบริโภคจะเริ่มมีผลบังคับใช้ เช่น นำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) ในช่วง 16 ม.ค.-28 ก.พ. 68 และแจกเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุในวันที่ 27 ม.ค. นี้ แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ (CRC HMPRO CPALL TNP) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CBG OSP) กลุ่มท่องเที่ยว (MINT AOT) กลุ่มเนื้อสัตว์ (CPF BTG)
2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นปันผลสูงซึ่งคาดมีเงินปันผลจ่ายที่เหลือจากกำไรปี 2567 คิดเป็น Div. Yield เกิน 3% เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุน แนะนำ AP KTB BBL PTT
3. หุ้น Earning Play ซึ่งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับขึ้นสะท้อนโมเมนตัมกำไร 4Q67 ที่คาดจะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งยังมีศักยภาพการจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ เลือก ADVANC TRUE AMATA AWC AU
4. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรในหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียกระทบอุปทานน้ำมัน เลือก PTTEP

 

Daily top picks

DELTA: 4Q67 คาดจะเป็นบริษัทเดียวที่รายงานกำไรปกติเติบโต YoY ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่เราดูแลอยู่ เนื่องจากได้ประโยชน์จากวัฏจักรการเติบโตของ AI และอัตรากำไรขั้นต้นยังคงแข็งแกร่งหลังมีรายได้จากผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูงที่พัฒนาโดย DELTA Thailand ซึ่งไม่ต้องจ่ายค่า Royalty Fee ให้กับ DELTA Taiwan ในสัดส่วนสูง ทั้งนี้แนะนำราคาเข้าซื้อเก็งกำไรวันนี้ไม่เกิน 144.50 บาท

 

CBG: ระยะสั้นราคาหุ้นได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนแบ่งตลาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าปี 2568 ที่ 29% จากใน ก.ย. 2567 และปี 2566 ที่ 25.8% และ 23% ตามลำดับ คาดกำไรสุทธิ 4Q67 จะเติบโต YoY แต่ทรงตัว QoQ และคาดเติบโตเป็นเลขสองหลักในปี 2568 หนุนจากต้นทุนน้ำตาลและอลูมิเนียมที่มีแนวโน้มปรับลง

 

Limited to 1360-1365

Although the SET still has support from baht appreciation, which is positive for fund inflow, Trump’s policies still may bring fluctuation. Upper bound is limited at resistance of 1360-1365, while lower bound is at supports of 1345 and the following point of 1340. A fall below this would be a negative signal.

 

Today’s highlights

• The Fed has entered its blackout before the first FOMC meeting of 2025 on January 28-29. The latest FedWatch Tool indicates a high probability that the Fed will maintain its policy rate at 4.25-4.50%.
• President Trump revoked the 2024 executive order that required AI developments that could pose risks to the US to share test results with the government before public release, under the Defense Production Act (DPA), viewing it as a barrier to AI innovation.
• Trump announced a US$500bn investment plan to develop AI infrastructure and build Data Centers over the next 4 years for Stargate, a joint venture between OpenAI, Softbank, and Oracle.
• The Cabinet approved the creation of a database of senior citizens, categorized by individual rights/benefits to drive care initiatives, and will be used to determine care policies and welfare payment criteria for seniors.
• The Cabinet approved carbon tax collection in the excise tax structure for oil, involving internal tax restructuring that will not affect retail prices, and set the carbon tax rate at Bt200/ton.
• Cumulative foreign tourist arrivals to Thailand for January 1-19 reached 2,139,901, an increase of 18.6%YoY, driven by short-haul tourists, especially from China, while long-haul tourist numbers began to slow.
• The Excise Department is preparing to implement a salt tax, starting with snack foods, expected to be finalized within 2025, aligning with WHO's recommendation for Thailand to reduce sodium consumption by 30%, following the successful implementation of the sugar tax that helped reduce sugar consumption.

Strategy today

In the short term, the SET is expected to move little, with significant resistance around 1400. External factors in terms of the economy and interest rate seem better, including strong 4Q24 earnings at US companies and Trump’s toning down on his trade policy, allowing the market to relax. However, domestic factors (apart from the government’s stimulus packages) are fragile from lack of confidence, causing market recovery to lag others in the region, while there is no significant sign of foreign fund flow returning to buy Thai equities. Investment strategy is "Selective Buy".

 

Trading today

The SET is expected to recover but overall is still fragile with no new catalyst. Investment strategy is "Selective Buy" across three themes with positive individual factors and one short-term trading idea:

• Stocks expected to benefit from shopping around Chinese New Year and from stimulus - Easy e-Receipt (Jan 16–Feb 28) and Bt10,000 handout on Jan 27 – Commerce (CRC, HMPRO, CPALL and TNP), Consumer goods (CBG and OSP), Tourism (MINT and AOT) and Food (CPF and BTG).
• For investors wishing to generate cash flow for their portfolios: stocks offering high dividend yield of over 3% on 2024 earnings, with strong balance sheets and continued growth in 2025 – AP, KTB, BBL and PTT.
• Earnings plays whose prices have not risen to reflect YoY and QoQ growth in 4Q24 profit and may pay regular dividends – ADVANC, TRUE, AMATA, AWC and AU.
• Trading idea for high-risk investors: speculate on stocks expected to benefit from higher oil price after the US announced a new round of sanctions on Russia, impacting world oil supply – PTTEP.

Daily top picks

DELTA: DELTA is expected to be the only company under coverage to report growth in core profit YoY in 4Q24, benefiting from the growing AI cycle and strong gross margin from self-developed products on which it does not have to pay royalties to DELTA Taiwan. Recommend to buy for trading at not higher than Bt144.50/share.

CBG: For the short term, price will be supported by economic stimulus. CBG’s market share is expected to continue growing to its 2025 target of 29% from 25.8% in Sep 2024 and 23% in 2023. 4Q24 net profit is expected to grow YoY and be stable QoQ, with double-digit growth in 2025 on lower costs for sugar and aluminium.

 

Download PDF CLick Daily250122_E.pdf