ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงต่อเนื่องกดดันจากสงครามการค้าต่อเนื่องหลังทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากแคนาดาเป็น 50% จากเดิม 25% อย่างไรก็ดีปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาอีกรอบ แต่ในวันนี้ระดับเรียกเก็บ 25% เริ่มมีผลแล้ว
บทสรุป
กระแสเงินในวันที่ 10 มี.ค. 2025 พบว่า 1) มีแรงซื้อในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้คุณภาพดีจากความผันผวนเรื่องสงครามการค้าและนักลงทุนกังวลกับความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น 2) กระแสเงินในตลาดหุ้นจีนมีแรงขายทำกำไรออกมาเล็กน้อยหลังราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นและตลาดเริ่มพักตัวจากกระแสของ AI 3) มีแรงซื้อในตลาดยุโรปจากแนวโน้มลดดอกเบี้ยของ ECB และมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่เยอรมนี รวมถึงราคาพลังงานที่ลดลง 4) มีแรงเก็งกำไรในกลุ่ม AI 5) มีแรงซื้อกลุ่มเชิงรับอย่างกลุ่มสาธารณูปโภคและ Healthcare จากความผันผวนภายนอก
Kohl’s และ Dick’s ให้คาดการณ์ 1Q25 ต่ำกว่าคาดหลังกังวลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า ซึ่งออกมาในทิศทางเดียวกันกับ DAL และ AAL ที่คาดการณ์ความต้องการในประเทศที่ชะลอตัว และกลุ่มค้าปลีกอื่น เช่น WMT TGT BBY ABF ที่เผยว่าอาจมีการปรับขึ้นราคาขายเพื่อตอบสนองต่อต้นทุนที่สูงขึ้นจากการเก็บภาษีนำเข้าของทรัมป์
Meta กำลังทดสอบชิปฝึก AI ที่พัฒนาขึ้นเองเป็นครั้งแรกร่วมกับ TSM หลังต้องการลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์อย่าง Nvidia และลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเรามองว่าออกมาในทิศทางเดียวกับหลายบริษัทเริ่มหันมาผลิตชิปของตนเอง ทำให้เรามองว่าต้นน้ำเซมิฯอย่าง TSM ยังคงได้รับประโยชน์ แต่เพิ่มความเสี่ยงให้กับกลุ่มปลายน้ำ NVDA ที่รวมถึง AI ในจีนที่มี computation น้อยลงด้วย
Manus AI ร่วมมือกับ AI Qwen ของ Alibaba โดยจะช่วยส่งเสริมการเปิดตัว “general AI agent” ตัวแรกของโลก ภาพรวมจีนมีการพัฒนาด้าน AI ต่อเนื่อง แต่หากมองถึงบริษัทที่มีการลงทุนในบริษัท Start up AI ในระดับสูง จะเป็น Alibaba และ Tencent ดังนั้นเราจึงมองว่าทั้งคู่น่าจะมีแนวโน้มการเติบโตไปพร้อมๆกับ Start up ด้าน AI และพัฒนาการด้าน AI ของจีนต่อไปได้ดีในระยะถัดไป
กลุ่มรถยนต์ อย่าง Toyota Volkswagen และ Mercedes-Benz ส่งสัญญาณมุ่งสู่ EV และ Autonomous มากขึ้น ทั้งนี้เรายังไม่ชอบในกลุ่มนี้เนื่องจากยังไม่เห็นการฟื้นตัวของยอดส่งมอบและผลประกอบการ แต่อย่างไรก็ดีเราเห็นพัฒนาการที่มุ่งสู่การผลิตรถยนต์ EV มากขึ้น และการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ ทำให้เราแนะมองกลุ่ม Supply Chain ของระบบขับขี่อัตโนมัติ
เราประเมินว่าตลาดยังคงมีความผันผวนตามทิศทางการดำเนินนโยบายของทรัมป์ที่กดดันทั้งเศรษฐกิจและสงครามการค้าให้รุนแรงขึ้น ทำให้ตลาดมีความกังวลเพิ่มขึ้น ในระยะสั้นเราจึงมองภาพรวมการลงทุนยังคงมีความผันผวนและแนะตั้งรับความเสี่ยงมากขึ้นอย่าง AT&T ($26.0) และ PFE ($31.1)