Keyword
Bites for Dinner

Bites for Dinner - เรื่องต้องรู้ก่อนเทรดคืนนี้ 15 ก.ค. 2568

15 Jul 25 5:51 PM
เรื่องต้องรู้ก่อนเทรดคืนนี้
สรุปสาระสำคัญ

1.ฟิวเจอร์สทรงตัว รอแบงก์ใหญ่ประกาศงบ
2.ตลาดลุ้นงบแบงก์ใหญ่คืนนี้ ได้แก่ WFC, JPMorgan, Citi
3.จับตาเงินเฟ้อ CPI มิ.ย. คืนนี้ 19.30 น.
4.เศรษฐกิจจีน GDP แกร่งเกินคาด! แม้เจอหลายปัจจัยท้าทาย
5.NVDA กลับมาขายชิป AI ในจีนได้อีก หลังความสัมพันธ์การค้าดีขึ้น
6.ครม.ไทยพิจารณาผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ นายวิทัย รัตนากร มีชื่อถูกจับตา

🌙 เรื่องต้องรู้ก่อนเทรดคืนนี้ 15 กรกฎาคม 2568

 

1. ตลาดหุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร นักลงทุนต่างรอการประกาศผลประกอบการจากธนาคารยักษ์ใหญ่ และเฝ้าจับตาข้อมูลเงินเฟ้อประจำเดือนที่จะมีการเปิดเผย ดัชนี Dow Futures ทรงตัว ขณะที่ S&P 500 Futures และ Nasdaq 100 Futures ขยับขึ้น 0.3% และ 0.4% ตามลำดับ ตลาดได้รับแรงหนุนจากข่าวเกี่ยวกับ AI โดยเฉพาะการที่ Meta วางแผนลงทุน "หลายแสนล้านดอลลาร์" ในด้านพลังงาน AI และรายงานจาก Bloomberg News ที่ระบุว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศการลงทุน 7 หมื่นล้านดอลลาร์ใน AI และพลังงาน นักวิเคราะห์จาก Vital Knowledge ชี้ว่าผลประกอบการเบื้องต้นจากบริษัทอย่าง Delta Air Lines (DAL) และ Levi Strauss (LEVI) นั้น "น่าพอใจ" แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทเคมีภัณฑ์ยุโรป 4 แห่งได้ปรับลดคาดการณ์ลง

 

2. ตลาดจะหันมาให้ความสนใจกับ Wall Street ซึ่งมีธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งเตรียมประกาศผลประกอบการก่อนตลาดเปิดทำการ ได้แก่ JPMorgan Chase (JPM), Citigroup (C), Wells Fargo (WFC) รวมถึง BlackRock (BLK) ยักษ์ใหญ่ด้านการบริหารสินทรัพย์ กลุ่มธนาคารเหล่านี้มักจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของฤดูการรายงานผลประกอบการ และถูกมองว่าเป็นตัวชี้วัดสภาพแวดล้อมทางธุรกิจโดยรวม คาดว่าธนาคารเหล่านี้จะทำกำไรได้ดีขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกิจกรรมการซื้อขายที่แข็งแกร่ง และการฟื้นตัวที่ชะลอตัวของวาณิชธนกิจ ตามรายงานของ Reuters ธนาคารขนาดใหญ่ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) จะเพิ่มขึ้นในอัตราเลขหลักเดียวระดับต่ำถึงกลาง NII เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่แสดงถึงรายได้จากเงินกู้เทียบกับต้นทุนเงินฝาก แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 จะยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องท่ามกลางปัจจัยท้าทายหลายประการ เช่น การคุกคามของมาตรการภาษีของทรัมป์ และความรุนแรงที่ปะทุขึ้นในตะวันออกกลาง โดยเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ และความต้องการแรงงานค่อนข้างคงที่ อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าเมฆหมอกยังคงปกคลุมอยู่ เนื่องจากมาตรการภาษี "ต่างตอบแทน" ที่รุนแรงของทรัมป์อาจถูกนำมาใช้ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม

 

3. นอกเหนือจากผลประกอบการ ข้อมูลแรงกดดันด้านราคาใหม่ในสหรัฐฯ ก็อยู่ในวาระวันนี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำ 12 เดือนถึงเดือนมิถุนายนจะอยู่ที่ 2.6% ซึ่งเร่งตัวขึ้นเล็กน้อยจาก 2.4% ในเดือนพฤษภาคม ขณะที่เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าจะอยู่ที่ 0.3% ซึ่งเร็วกว่าตัวเลขก่อนหน้า 0.1% ส่วน "Core CPI" ซึ่งไม่รวมรายการที่มีความผันผวนสูง เช่น อาหารและเชื้อเพลิง คาดว่าจะอยู่ที่ 3.0% เมื่อเทียบปีต่อปี และ 0.3% รายเดือน นักวิเคราะห์จาก ING ระบุว่าตลาดดูเหมือนจะไม่ "ตื่นตระหนก" กับการยกระดับสงครามการค้าของทรัมป์เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งพวกเขามองว่าสะท้อนถึง "แนวทางรอและดู" ต่อมาตรการภาษีเหล่านั้น "ตลาดน่าจะสนใจผลกระทบจากอารมณ์การค้าของทรัมป์ต่อข้อมูลเศรษฐกิจพื้นฐานมากกว่า" นักวิเคราะห์กล่าว อย่างไรก็ตาม พวกเขาชี้ว่าการตีความตัวเลขอาจซับซ้อนขึ้นจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบต่อเนื่องจากการที่ธุรกิจจำนวนมากเร่งล็อกคำสั่งซื้อก่อนการประกาศภาษี "วันแห่งการปลดปล่อย" ของทรัมป์ในเดือนเมษายน

 

4. เศรษฐกิจจีนแสดงให้เห็นสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงหกเดือนแรกของปี 2025 ทำให้เป้าหมายการเติบโตอย่างเป็นทางการตลอดทั้งปีคงอยู่ แม้จะมีการโจมตีทางภาษีจากทรัมป์ ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่เปิดเผยในวันอังคารแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกเติบโตสูงกว่าคาดเล็กน้อยในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน โดย GDP เติบโต 5.2% เมื่อเทียบปีต่อปีในช่วงสามเดือนถึง 30 มิถุนายน ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 5.1% แต่ลดลงเล็กน้อยจาก 5.4% ในไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบรายไตรมาส GDP เพิ่มขึ้น 1.1% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.9% ส่งผลให้ GDP ของจีนในช่วงหกเดือนแรกของปี 2025 อยู่ที่ 5.3% สอดคล้องกับการคาดการณ์และสูงกว่าเป้าหมายประจำปีของรัฐบาลที่ 5% แม้ความตึงเครียดทางการค้าจะทวีความรุนแรงขึ้น แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ มีจำกัด เนื่องจากจีนต้องเผชิญกับภาษีที่สูงเพียงหนึ่งเดือนก่อนที่ทั้งสองประเทศจะตกลงลดความขัดแย้งในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งช่วยให้การส่งออกของจีนยังคงแข็งแกร่งในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน โดยความต้องการจากตลาดหลักอื่นๆ ยังคงแข็งแกร่ง ทั้งวอชิงตันและปักกิ่งตกลงที่จะลดความขัดแย้งทางการค้าเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงระมัดระวังต่อเศรษฐกิจจีน เนื่องจากยังคงประสบปัญหาความต้องการภายในประเทศที่อ่อนแอ และวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ ซึ่งอาจทำให้ปักกิ่งต้องออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม

 

5. Nvidia Corporation (NVDA) แถลงเมื่อวันจันทร์ว่าจะกลับมาจำหน่ายโปรเซสเซอร์ H20 ในจีน “เร็วๆ นี้” หลังจากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งดีขึ้น และหลังจาก CEO Jensen Huang ได้พบกับเจ้าหน้าที่จากทั้งสองฝ่าย บริษัทผู้ผลิต AI รายนี้ยังได้ประกาศเปิดตัวหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ใหม่สำหรับจีน ซึ่งอ้างว่าเหมาะสำหรับโรงงานอัจฉริยะ AI และโลจิสติกส์ ราคาหุ้นของบริษัทปรับขึ้น 3.6% ในการซื้อขายหลังเวลาทำการ Nvidia กำลัง "ยื่นขอใบอนุญาตเพื่อจำหน่าย" H20 อีกครั้ง และ "รัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับประกัน [...] ว่าจะมีการอนุมัติใบอนุญาต" บริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลกกล่าวในแถลงการณ์ ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากวอชิงตันยกเลิกข้อจำกัดหลายประการในการส่งออกเทคโนโลยีชิปไปยังจีน โดยเมื่อเร็วๆ นี้ได้อนุญาตให้บริษัทออกแบบชิปรายใหญ่อย่าง Synopsys (SNPS) กลับมาจำหน่ายในประเทศได้

 

6. มีรายงานข่าวจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะมีการเสนอชื่อ "นายวิทัย รัตนากร" เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ อย่างไรก็ตาม เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเปิดเผยถึงกรณีการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ “ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ” คนใหม่ ว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นเอกสารที่กระทรวงการคลังเสนอเข้ามายังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำบรรจุเข้าวาระการประชุม ครม. ตามปกติ

 

-----
ที่มา: Investing.com และ InnovestX Research
แปลและเรียบเรียง: Content Team, InnovestX

 

ดาวน์โหลดแอป InnovestX วันนี้ เพื่อเข้าถึงโอกาสการลงทุนในหุ้นสหรัฐและตลาดทั่วโลก
📱 ดาวน์โหลดแอป: https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5