Keyword
Bites for Dinner

Bites for Dinner - เรื่องต้องรู้ก่อนเทรดคืนนี้ 14 ก.ค. 2568

14 Jul 25 6:22 PM
เรื่องต้องรู้ก่อนเทรดคืนนี้
สรุปสาระสำคัญ

1.ทรัมป์เปิดศึกการค้า ตั้งภาษีนำเข้าเม็กซิโกและ EU 30%
2.ฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ร่วง ขณะตลาดจับตางบแบงก์ใหญ่
3.จีนส่งออก มิ.ย. โตเกินคาด! ทำเกินดุลการค้า หนุนตลาดเขียว
4.BTC ทำนิวไฮ ทะลุ $120,000 รับข่าวดี "Crypto Week"
5.น้ำมันจ่อขึ้น จับตา "ทรัมป์" แถลงการณ์สำคัญเกี่ยวกับรัสเซีย
6.SET เฮตามจีน ปิดขียว ขณะนักลงทุนจับตาผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่

🌙 เรื่องต้องรู้ก่อนเทรดคืนนี้ 14 กรกฎาคม 2568

 

1. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้า 30% จากเม็กซิโกและสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์ ก็มีการประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา และบราซิล รวมถึงภาษี 50% สำหรับการนำเข้าทองแดงทั้งหมด การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าการจัดเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 113.3 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2025 ซึ่งตอกย้ำความตั้งใจของทรัมป์ในการใช้มาตรการภาษีเพื่อจัดการกับความไม่สมดุลทางการค้า

 

2. ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงในวันจันทร์ ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสงครามการค้าทั่วโลก หลังจากการประกาศภาษีล่าสุดของทรัมป์ โดย S&P 500 Futures ลดลง 35 จุด หรือ 0.6%, Nasdaq 100 Futures ลดลง 120 จุด หรือ 0.5%, และ Dow Futures ลดลง 250 จุด หรือ 0.6% ดัชนีหลักใน Wall Street ต่างปรับตัวลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่พุ่งทำสถิติสูงสุด โดย S&P 500, Nasdaq Composite และ Dow Jones Industrial Average ต่างสิ้นสุดการทำสถิติชนะต่อเนื่องสามสัปดาห์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลประกอบการไตรมาสใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันอังคารนี้ โดยจะเริ่มจากธนาคารรายใหญ่หลายแห่ง รวมถึง JPMorgan Chase, Wells Fargo และ Citigroup

 

3. การเกินดุลการค้าของจีนในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังจากการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างปักกิ่งและวอชิงตันที่นำไปสู่การลดภาษีการค้าระหว่างกัน การเกินดุลการค้าขยายตัวเป็น 114.77 พันล้านดอลลาร์ในเดือนที่ผ่านมา มากกว่าที่คาดไว้ที่ 113.20 พันล้านดอลลาร์ และสูงกว่า 103.22 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม การส่งออกของจีนเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบปีต่อปีในรูปดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 5% และสูงกว่า 4.8% ในเดือนก่อนหน้า ข้อมูลยังชี้ว่าการส่งออกแร่หายากของจีนเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนจากการพัฒนาการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นเพียง 1.1% เมื่อเทียบปีต่อปีในเดือนมิถุนายน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 1.3% แต่ก็ดีขึ้นจากการลดลง 3.4% ในเดือนก่อนหน้า ข้อมูลนี้บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่ดีสำหรับการเติบโตของ GDP ไตรมาสสองของจีนในวันอังคาร

 

4. Bitcoin สกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งในวันจันทร์ ทะลุระดับ 120,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังถึงชัยชนะด้านนโยบายที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมในสัปดาห์นี้ โดย Bitcoin เพิ่มขึ้น 3.7% แตะ 122,020 ดอลลาร์ หลังจากที่ขึ้นไปสูงสุดถึง 122,530 ดอลลาร์ในช่วงต้น การพุ่งขึ้นของ Bitcoin ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนจากการไหลเข้าของ ETF ที่แข็งแกร่ง และความหวังที่เพิ่มขึ้นสำหรับกฎระเบียบที่เอื้อต่อคริปโตในสหรัฐอเมริกา ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังถูกกระตุ้นจากการคาดการณ์ว่าสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ จะมีการอภิปรายร่างกฎหมายคริปโตที่สำคัญหลายฉบับในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง Genius Act, Clarity Act และ Anti-CBDC Surveillance State Act หากผ่านการอนุมัติในช่วง "Crypto Week" นี้ มาตรการเหล่านี้อาจสร้างกรอบการกำกับดูแลที่ครอบคลุมสำหรับ Stablecoins, การดูแลสินทรัพย์คริปโต และระบบนิเวศทางการเงินดิจิทัลโดยรวม

 

5. ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนรอดูข่าวการคว่ำบาตรเพิ่มเติมของสหรัฐฯ ต่อรัสเซีย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตทั่วโลก โดย Brent Futures เพิ่มขึ้น 0.1% แตะ 70.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และ U.S. West Texas Intermediate Crude Futures เพิ่มขึ้น 0.1% แตะ 68.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทรัมป์มีกำหนดจะแถลงการณ์ "สำคัญ" เกี่ยวกับรัสเซียในวันจันทร์ หลังจากที่แสดงความไม่พอใจกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เนื่องจากความคืบหน้าในการยุติสงครามในยูเครนยังไม่มีความชัดเจน ร่างกฎหมายคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐฯ ได้รับแรงผลักดันในรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังคงรอการสนับสนุนจากทรัมป์ นอกจากนี้ ผู้แทนของสหภาพยุโรปก็ใกล้จะตกลงแพ็คเกจการคว่ำบาตรรัสเซียชุดใหม่ ซึ่งจะรวมถึงการกำหนดเพดานราคาน้ำมันส่งออกของประเทศที่ต่ำลง

 

6. SET Index วันที่ 14 ก.ค. 2568 ปิดที่ 1143.31 จุด (+22.18 จุด / +1.98%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.4 หมื่นล้านบาท โดยได้รับแรงซื้อจากกลุ่มขนส่ง อิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ พลังงาน อาหาร และการเงิน ไม่มีกลุ่มใดมีแรงขายอย่างมีนัยยะสำคัญ การปรับขึ้นของ SET ได้รับแรงหนุนจากข่าวการส่งออกและการนำเข้าของจีนที่เติบโตดีกว่าคาด นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ยื่นชื่อว่าที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่ต้องติดตาม ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงจับตาตัวเลข GDP ของจีนที่จะประกาศในวันอังคารนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ย

 

-----
ที่มา: Investing.com และ InnovestX Research
แปลและเรียบเรียง: Content Team, InnovestX

 

ดาวน์โหลดแอป InnovestX วันนี้ เพื่อเข้าถึงโอกาสการลงทุนในหุ้นสหรัฐและตลาดทั่วโลก
📱 ดาวน์โหลดแอป: https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5