Keyword
Derivatives

SET50 Futures: เปลี่ยนความผันผวนของตลาดเป็นกำไรในทุกจังหวะตลาด

16 Oct 25 4:52 PM
รู้จักผลิตภัณฑ์ลงทุน3
สรุปสาระสำคัญ

คุณยอมเสียโอกาสจากตลาดขาลงไปเท่าไหร่แล้ว? ถึงเวลาเปลี่ยนวิธีคิดแล้วมาเรียนรู้ว่าทำไม SET50 Futures จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณทำกำไรได้จากความผันผวนของตลาด ไม่ว่าตลาดจะผันผวนขนาดไหน คุณก็คุมจังหวะการลงทุนได้ด้วย SET50 Futures ในฐานะเครื่องมืออนุพันธ์ที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการความเสี่ยงและสร้างโอกาสทำกำไรในตลาดที่ผันผวนสูง

การบริหารความเสี่ยงเชิงรุกในสภาวะตลาดผันผวน

ในสภาพแวดล้อมทางการลงทุนปัจจุบันที่ตลาดมีความผันผวนสูง การพึ่งพาการซื้อขายสินทรัพย์ในทิศทางขึ้นเพียงทิศทางเดียว (Long Only) ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูงต่อการปรับฐานของตลาด การทำกำไรจึงจำกัดอยู่เฉพาะช่วงที่ดัชนีปรับตัวขึ้นเท่านั้น

 

เหล่าเครื่องมืออนุพันธ์ทางการเงิน (Financial Derivatives Instrument) จึงถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดนี้ โดยเฉพาะ SET50 Index Futures ซึ่งมีคุณสมบัติในการสร้างผลตอบแทนได้จากทั้งทิศทางขาขึ้นและขาลงของดัชนี SET50 การทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากสัญญา SET50 Futures ที่หมดอายุในแต่ละไตรมาสจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการบริหารความเสี่ยงเชิงรุกและเพิ่มประสิทธิภาพของเงินทุนในทุกสภาวะตลาด

 

ปัจจัยกระตุ้นและแรงกดดันต่อดัชนี

การเคลื่อนไหวของดัชนี SET50 ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี SET50 แสดงการเคลื่อนไหวแบบ "ผันผวน" (Volatile) อันเป็นผลจากปัจจัยภายในประเทศ กล่าวคือ:

  1. ตลาดตอบสนองเชิงบวกจากนโยบายรัฐบาล เช่น ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจมีการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งผลให้ดัชนี SET50 ปรับตัวขึ้นจากระดับประมาณ 825 จุด ไปสู่ 845 จุด (เพิ่มขึ้น 20 จุด)
  2. ในขณะเดียวกัน ตลาดก็ถูกกดดันจากการที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศให้หุ้น DELTA ติด Cash Balance ส่งผลให้เกิดแรงเทขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ ดัชนี SET50 จึงปรับตัวลงจากระดับ 845 จุด ลงมาที่ 825 จุด (ลดลง 20 จุด)

 

ความจำเป็นของเครื่องมือ Two-Way Trade

การสวิงตัวรวม 40 จุด ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ ตอกย้ำถึงความจำเป็นของการมีเครื่องมือที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของทิศทางตลาดได้ทันที การซื้อขายในตลาด Futures จึงเป็นกลไกที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถรับผลตอบแทนจากการปรับตัวลดลงของดัชนี (20 จุด ในกรณีข้างต้น) ซึ่งเป็นส่วนที่ตลาดหุ้นปกติไม่สามารถทำได้

 

อย่างไรก็ตาม สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures)จะมีการใช้อัตราทด (Leverage) ซึ่งขยายทั้งโอกาสในการทำกำไรและความเสี่ยงในการขาดทุนไปในเวลาเดียวกัน ดังนั้น การดำรงไว้ซึ่งเงินหลักประกันในระดับที่เหมาะสม รวมถึงการกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) อย่างชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการปกป้องพอร์ตลงทุน

 

SET50 Futures: กลไกการสร้างผลตอบแทนทั้ง 2 ทิศทาง

SET50 Index Futures คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงดัชนี SET50 และเป็นเครื่องมือหลักที่ใช้ในการทำกลยุทธ์ Two-Way Trade ในตลาด TFEX

  1. Long Position: เปิดสถานะซื้อเมื่อคาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้น เพื่อรับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาที่เพิ่มขึ้น
  2. Short Position: เปิดสถานะขายเมื่อคาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวลง เพื่อรับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาที่ลดลง
  3. Hedging Function: ใช้ SET50 Futures ในการ Short เพื่อชดเชยผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นกับพอร์ตหุ้นหลัก (Core Portfolio) ที่นักลงทุนถืออยู่ โดยไม่จำเป็นต้องทำการขายสินทรัพย์ออกไป

 

SET50 Futures จึงสามารถมอบทางเลือกในการเก็งกำไรไปพร้อมกับการบริหารความเสี่ยงในกรอบเวลาที่แน่นอน ซึ่งเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับการจัดสรรสินทรัพย์ของนักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

โครงสร้างของสัญญาและประสิทธิภาพของ Leverage

ตัวอย่าง: S50Z25 (สัญญาซื้อขายล่วงหน้า อ้างอิงดัชนี SET50 หมดอายุเดือนธันวาคม 2025)

  • มูลค่าการเคลื่อนไหวต่อสัญญา: S50Z25 มี Tick Size = 0.1 จุด (ขยับขึ้นลงทีละ 0.1 จุด) โดยทุกการเปลี่ยนแปลงของ S50Z2025 1 จุด จะส่งผลกระทบต่อกำไร/ขาดทุน 200 บาทต่อ 1 สัญญา
  • การใช้ Leverage: นักลงทุนใช้เงินเพียงจำนวนน้อย (Initial Margin) เพื่อควบคุมมูลค่าสัญญาขนาดใหญ่ซึ่งเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนเมื่อเทียบกับเงินลงทุนเริ่มต้น
  • ตัวอย่าง: S50Z25 ที่ 840 จุด มูลค่าสัญญาคือ 840 x 200 = 168,000 บาท แต่ใช้เงินวางหลักประกันเริ่มต้นเพียง 10,080 บาท คิดเป็นอัตราทด (Leverage) อยู่ที่ 168,000 / 10,080 = 16.67 เท่า
  • Cash Settlement: การชำระราคาเป็นเงินสดตามส่วนต่างของกำไร/ขาดทุนที่เกิดขึ้นในวันสิ้นอายุสัญญา ทำให้กระบวนการซื้อขายมีความคล่องตัวสูงและไม่ซับซ้อน

 

ตารางเปรียบเทียบ: การลงทุนแบบ Traditional VS SET50 Futures

 

การซื้อขายหุ้นปกติ
(Traditional Investment)

SET50 Futures

ศักยภาพในการทำกำไร

ขาขึ้นเท่านั้น (Buy Only)

ขาขึ้นและขาลง (Two-Way)

การใช้เงินทุน

เต็มมูลค่าสินทรัพย์ (100%)

หลักประกันเริ่มต้น (Initial Margin)

ความยืดหยุ่นในการ Hedging

ไม่ยืดหยุ่น

(ต้องขายสินทรัพย์ออก)

ยืดหยุ่นสูง

(ใช้ Short Position แทนการขายสินทรัพย์)

ผลกระทบจากความผันผวนของราคา

มูลค่าพอร์ตผันผวนอย่างชัดเจน

มีโอกาสสร้างผลกำไรในช่วงตลาดผันผวน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Case Study: การใช้ S50Z25 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลตอบแทน

สถานการณ์: ในช่วงต้นเดือน ต.ค. 2025 S50Z25 เคลื่อนไหวในลักษณะสวิงตัวในกรอบ 812 – 842 จุด

 

Picture3.png

กราฟ S50Z25 ราย 1 ชั่วโมง แสดงความผันผวนของ S50Z25 และตัวอย่างสถานะ Long Position

*ตัวอย่างกราฟเป็นการใช้สำหรับกรณีศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน

 

Picture4.png

กราฟ S50Z25 ราย 1 ชั่วโมง แสดงความผันผวนของ S50Z25 และตัวอย่างสถานะ Short Position

*ตัวอย่างกราฟเป็นการใช้สำหรับกรณีศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน

 

ตัวอย่างการวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการใช้ S50Z25* (สมมติสถานะ 5 สัญญา):

การเคลื่อนไหว

สถานะที่ใช้

ส่วนต่าง

ผลตอบแทนที่เกิดขึ้น*

816 → 837 จุด

Long

21 จุด

21 x 200 x 5 = 21,000 บาท

836 → 817 จุด

Short

19 จุด

19 x 200 x 5 = 19,000 บาท

ผลตอบแทนรวม*

   

21,000 + 19,000 = 40,000 บาท

 

 

 

 

 

 

บทสรุปจาก Case Study: หากนักลงทุนสามารถวิเคราะห์และตอบสนองต่อการสวิงตัวของดัชนีได้อย่างถูกต้อง การใช้ S50Z25 จะช่วยให้สามารถแปลงการเคลื่อนไหวรวม 40 จุด ให้เป็นผลตอบแทนรวม 40,000 บาท* (สำหรับ 5 สัญญา) ซึ่งเป็นการใช้ประสิทธิภาพของ Two-Way Trade และ Leverage ในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในทิศทางเดียวอย่างมีนัยสำคัญ

 

*การคำนวณกำไรขาดทุนในบทความนี้ ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ และเป็นเพียงตัวอย่างสำหรับกรณีศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน

 

เพิ่มศักยภาพพอร์ตการลงทุนด้วย SET50 Futures

ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความผันผวน การใช้ SET50 Index Futures เช่น S50Z25 ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการจัดการความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนอย่างเป็นระบบ ด้วยคุณสมบัติ Long/Short และ Leverage ทำให้นักลงทุนสามารถตอบสนองต่อทุกการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างทันท่วงที

 

📌 Reference Link (ข้อมูลอ้างอิง):

 

🚀 ลงทุน TFEX เข้าถึงโอกาสทำกำไรในตลาดอนุพันธ์ได้อย่างง่ายดายแค่ปลายนิ้ว

เพียงแค่เปิดบัญชีกับ InnovestX และ Activate บัญชี TFEX

  1. เปิดบัญชี InnovestX 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
  2. Activate TFEX: อ่านขั้นตอนการเปิดใช้บริการ 👉 https://www.innovestx.co.th/products/derivatives/product-tfex

 

⚠️ คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนการซื้อขายฟิวเจอร์สและออปชั่น มีความเสี่ยงสูงที่อาจก่อนให้เกิดผลขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญจังไม่เหมาะสมกับบุคคลทุกคน ก่อนตัดสินใจซื้อขายฟิวสเจอร์สและออปชั่น ท่านควรพิจารณาถึงฐานะทางการเงินวัตถุประสงค์การลงทุน ตลอดจนความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้อย่างรอบคอบเนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ท่านอาจสุญเสียเงินลงทุนมากกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5