Tokenization โอกาสใหม่ กับหุ้นธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

Tokenization คือ

 

Tokenization คือกระบวนการแปลงสินทรัพย์หรือข้อมูลที่มีค่าในโลกจริง ให้อยู่ในรูปแบบโทเคนดิจิทัลบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งทำให้สินทรัพย์เหล่านั้นสามารถแบ่งเป็นหน่วยย่อย ซื้อขาย และถือครองได้ในรูปแบบดิจิทัลอย่างปลอดภัย สินทรัพย์ที่สามารถนำมาทำ tokenization ได้นั้นมีหลากหลายประเภท ตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์เช่น บ้าน คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ ไปจนถึงหุ้นและหลักทรัพย์ของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีราคาสูง รวมถึงงานศิลปะและของสะสมอย่างภาพวาดหรือรถคลาสสิค สินค้าโภคภัณฑ์เช่นทองคำ เงิน น้ำมัน หรือแม้แต่สิทธิ์ต่างๆ อย่างลิขสิทธิ์เพลงและสิทธิ์ในคาร์บอนเครดิต

 

 

ทำไม Tokenization จึงน่าสนใจ?

 

ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง: สินทรัพย์ที่ซื้อขายได้ยาก เช่น อสังหาริมทรัพย์หรือของสะสม สามารถแบ่งขายเป็นหน่วยย่อยและแลกเปลี่ยนได้ง่ายขึ้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัล

 

ลดต้นทุนและขั้นตอนธุรกรรม: บล็อกเชนช่วยลดความจำเป็นในการใช้เอกสารและตัวกลาง ทำให้การทำธุรกรรมในตลาดหุ้นรวดเร็ว ปลอดภัย และต้นทุนต่ำลง รวมถึงการชำระธุรกรรมในตลาดหุ้นทันที (instant settlement) แทนระบบ T+2 (Trade date plus 2 days) แบบเดิม

เพิ่มโอกาสการเข้าถึง: นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่แต่เดิมเข้าถึงยาก เช่น หุ้นใหญ่ อสังหาฯ หรือผลงานศิลปะราคาแพง ด้วยเงินลงทุนจำนวนน้อย

 

ความโปร่งใสและความปลอดภัย: บล็อกเชนทำให้การถือครองและโอนกรรมสิทธิ์ตรวจสอบได้ง่ายและปลอมแปลงได้ยาก ลดความเสี่ยงในการฉ้อโกงและเพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูล

 

การสนับสนุนจากหน่วยงานกำกับดูแล: การออกกฎระเบียบใหม่ เช่น MiCA (Markets in Crypto-Assets Regulation) ของสหภาพยุโรป และแนวโน้มสนับสนุนจาก SEC สหรัฐฯ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและสถาบันการเงินในการนำ tokenization มาใช้จริง

 

 

แนวโน้มของ Tokenization กับเศรษฐกิจโลก

 

ตลาดสินทรัพย์ที่ถูก tokenized กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว รายงานจาก McKinsey คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดสินทรัพย์ที่ถูก tokenized จะเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่ามูลค่าตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 ไม่รวมคริปโตเคอร์เรนซีและ stablecoins โดยตลาดนี้ขับเคลื่อนจากการนำ tokenization มาใช้กับสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น กองทุนรวม พันธบัตร บันทึกแลกเปลี่ยน (ETN) สินเชื่อ และการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (securitization) (McKinsey, 2024)

นอกจากนี้ ยังมีรายงานจาก BCG ร่วมกับ Ripple คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดสินทรัพย์ tokenized จะเติบโตจากประมาณ 0.6 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2025 ไปสู่ 18.9 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2033 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ประมาณ 53% รวมคริปโตเคอร์เรนซีและ stablecoins

 

 

มีการนำ Tokenization ไปใช้กับสินทรัพย์หลากหลาย ได้แก่

 

หุ้นและหลักทรัพย์ (Tokenized Stocks & Securities)

บริษัทชั้นนำ เช่น Coinbase และ Kraken กำลังผลักดันการนำหุ้นและหลักทรัพย์มาแปลงเป็นโทเคนบนบล็อกเชน เพื่อให้ซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงและลดต้นทุนธุรกรรม Bloomberg รายงานว่า บริษัทรายใหญ่ในตลาดคริปโตฯ กำลังพยายามสร้างตลาดหุ้นบนบล็อกเชน โดยมีทั้ง Coinbase และ Kraken เข้าร่วม

 

พันธบัตร (Tokenized Bonds)

BlackRock, Deutsche Bank และรัฐบาลฮ่องกงต่างทดลองออกพันธบัตรในรูปแบบโทเคน เพื่อลดเวลาชำระบัญชีและเพิ่มความโปร่งใส Bloomberg รายงานว่า Tokenization จะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในวอลล์สตรีท ทั้ง BlackRock และ Deutsche Bank กำลังมองหาวิธีทำให้ตลาดตราสารหนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

คาร์บอนเครดิต (Tokenized Carbon Credits)

JPMorgan ผ่านหน่วยงาน Kinexys ร่วมกับ S&P Global Commodity Insights, EcoRegistry และ International Carbon Registry พัฒนาแพลตฟอร์มบล็อคเชนสำหรับการ tokenization คาร์บอนเครดิต Bloomberg รายงานว่า JPMorgan กำลังพัฒนาบริการ tokenization คาร์บอนเครดิต โดยร่วมมือกับบริษัทคาร์บอนชั้นนำเพื่อทดลองแอปพลิเคชันนี้

 

อสังหาริมทรัพย์ (Tokenized Real Estate)

บริษัทฟินเทคในสหรัฐฯ เช่น RealT และ Aspen Digital นำอสังหาริมทรัพย์มาแบ่งเป็นโทเคนให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้ง่ายขึ้น OpenPR และ ResearchAndMarkets รายงานว่าการ tokenization ของสินทรัพย์จริง รวมถึงอสังหาฯ จะกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์หลักของตลาดโลก

 

 

ผลกระทบต่อหุ้นและการลงทุน

 

Tokenization กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาดการเงินและการลงทุนทั่วโลก จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจหลัก 3 กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการในระบบเศรษฐกิจดิจิทัล

กลุ่มแรกคือ บริษัทเทคโนโลยีบล็อกเชน เช่น Ethereum และ Chainlink มีบทบาทสำคัญในฐานะโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการสร้างและแลกเปลี่ยนโทเคนดิจิทัลในระบบเศรษฐกิจใหม่ เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้การออกและโอนกรรมสิทธิ์สินทรัพย์ผ่านบล็อกเชนเป็นไปอย่างโปร่งใส ปลอดภัย และตรวจสอบได้

 

กลุ่มที่สองคือ ฟินเทคและแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล อย่าง Coinbase ก็กำลังขยายบริการและรายได้จากการซื้อขายสินทรัพย์ที่ถูกแปลงเป็นโทเคน (tokenized assets) ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงสินทรัพย์หลากหลายประเภทได้ง่ายขึ้นและลดข้อจำกัดเดิมของตลาดทุน

 

สุดท้ายคือ สถาบันการเงินและธนาคารขนาดใหญ่ เช่น JPMorgan และ BlackRock ยังนำ tokenization มาใช้ในบริการใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรหรือกองทุน tokenized เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างนวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล. ตัวอย่างเช่น JPMorgan ที่เปิดตัวแพลตฟอร์ม Tokenized Collateral Network (TCN) เพื่อใช้ tokenization ในการโอนสินทรัพย์และหลักประกันระหว่างสถาบันการเงินขนาดใหญ่

 

 

ตัวอย่างบริษัทที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

 

Coinbase Global Inc. (COIN)

แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ของสหรัฐฯ กำลังพัฒนาบริการ tokenized equities ซึ่งเป็นหุ้นในบริษัทที่ถูกแปลงเป็นโทเคนดิจิทัลบนบล็อกเชน ทำให้การถือครองและซื้อขายหุ้นมีความโปร่งใส รวดเร็ว และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งเป็นผู้นำด้านการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาดทุน

 

 

JPMorgan Chase & Co. (JPM)

ธนาคารชั้นนำของโลก ลงทุนในเทคโนโลยี tokenization อย่างจริงจัง โดยเฉพาะโครงการ Kinexys ที่ร่วมมือกับ S&P Global ในตลาดคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นการพัฒนาแพลตฟอร์มบล็อกเชนสำหรับการ tokenization คาร์บอนเครดิต เพื่อสร้าง ecosystem ที่ช่วยเพิ่มความโปร่งใส แก้ปัญหาการกระจายตัวของข้อมูล และลดความซ้ำซ้อนในตลาดคาร์บอนเครดิต

 

 

BlackRock Inc. (BLK)

บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นผู้นำในการออกกองทุน tokenized เช่น BUIDL ซึ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านแพลตฟอร์มบล็อกเชน

 

 

 

Tokenization กำลังจะเปลี่ยนเศรษฐกิจและการลงทุน

Tokenization ไม่เพียงแต่เพิ่มสภาพคล่องและลดต้นทุนของตลาดการเงิน แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ให้กับนักลงทุนทุกระดับทั่วโลก เทคโนโลยีนี้กำลังเปลี่ยนโฉมโครงสร้างตลาดทุนจากระบบดั้งเดิมที่มีข้อจำกัดด้านการเข้าถึงและประสิทธิภาพ สู่โลกดิจิทัลที่โปร่งใส ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น การเข้าใจและติดตามเทคโนโลยีนี้จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจยุคใหม่

 

นักลงทุนที่สนใจโอกาสเติบโตจากเทรนด์ Tokenization เช่นหุ้น Coinbase (COIN), JPMorgan (JPM) และ BlackRock (BLK) สามารถเข้าถึงและลงทุนในหุ้นเหล่านี้ได้อย่างสะดวกสบายผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ที่รวบรวมโอกาสการลงทุนจากตลาดหุ้นชั้นนำทั่วโลกไว้ในที่เดียว

สนใจเปิดบัญชีลงทุน คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน