Strategy Inc (NASDAQ : MSTR) เป็นบริษัทเทคโนโลยีอเมริกันที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ซึ่งกำลังสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในโลกการลงทุนด้วยกลยุทธ์การถือครอง Bitcoin ในปริมาณมหาศาลเป็นสินทรัพย์สำรองหลักของบริษัท (Primary treasury reserve asset) บริษัทแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ Business Intelligence ธรรมดา แต่ได้กลายเป็น "Bitcoin Treasury Company" ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยถือครอง Bitcoin จำนวน 638,460 เหรียญ ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Michael Saylor ที่มองว่า Bitcoin คือ "Digital Gold" และเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ด้วยกลยุทธ์นี้ Strategy ได้กลายเป็นตัวแทนการลงทุนใน Bitcoin สำหรับนักลงทุนสถาบันที่ต้องการเข้าถึง Cryptocurrency ผ่านตลาดหุ้นแบบดั้งเดิม
จากซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลสู่จักรวาล Bitcoin ระดับโลก
ชื่อเดิม ของบริษัท Strategy Inc. คือ MicroStrategy บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1989 โดย Michael Saylor, Sanju Bansal และ Thomas Spahr ขณะยังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย MIT เริ่มเเรกบริษัทมุ่งพัฒนาซอฟต์แวร์ Business Intelligence และ Analytics ที่ช่วยองค์กรต่างๆในการวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจเชิงธุรกิจ โดยบริษัทมุ่งเน้นการสร้างเครื่องมือสำหรับการรายงานและการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
ช่วงแรกของการดำเนินงาน Strategy เป็นบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วในยุค Dot-com Boom ช่วงปี 1990s และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ในปี 1998 แต่ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแตกของฟอง Dot-com ในช่วงปี 2000-2002 จึงทำให้ราคาหุ้นตกลงมาอย่างรุนแรง หลังจากนั้นบริษัทได้ฟื้นตัวและพัฒนาแพลตฟอร์ม MicroStrategy Analytics Platform อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายไปสู่ Mobile Business Intelligence และ Cloud-based Solutions
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2020 เมื่อ Michael Saylor ประกาศกลยุทธ์ใหม่ของบริษัทในการนำเงินสดส่วนเกินไปลงทุนใน Bitcoin แทนการเก็บไว้ในธนาคาร โดยการซื้อ Bitcoin ครั้งแรกมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั้นบริษัทได้ซื้อ Bitcoin เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องผ่านการออกหุ้นกู้แปลงสภาพและการระดมทุนรูปแบบต่างๆ จนกลายเป็นบริษัทที่ถือ Bitcoin มากที่สุดในโลก
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ราคาหุ้น MSTR เคลื่อนไหวสัมพันธ์กับราคา Bitcoin อย่างมาก และได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกที่มองหา Exposure ใน Bitcoin ผ่านตลาดหุ้น
ต่อมา ในเดือน สิงหาคม 2025 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อจาก MicroStrategy (MSTR) มาเป็น Strategy Inc. เพื่อสะท้อนบทบาทใหม่ในฐานะ Bitcoin Treasury Company อย่างเต็มตัว โดยยังคงดำเนินธุรกิจซอฟต์แวร์ควบคู่ไปกับการใช้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์หลักในงบดุล
โครงสร้างรายได้ Strategy
Strategy มีรายได้จากสองส่วนหลักที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่ผสมผสานระหว่างธุรกิจซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิมกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
รายได้จากส่วนนี้คือกระแสเงินสดหลักของบริษัท แม้จะไม่ใช่ส่วนที่ขับเคลื่อนกำไรสุทธิหลักอีกต่อไป แต่ยังคงมีความสำคัญในการเป็นแหล่งเงินทุน รายละเอียดรายได้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 มีดังนี้:
โดยรวมแล้วบริษัทมีรายได้จากซอฟต์แวร์จำนวน 114.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
แม้รายได้รวมจากธุรกิจซอฟต์แวร์จะยังคงสร้างกระแสเงินสดให้บริษัท แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวขับเคลื่อนกำไรสุทธิหลักอีกต่อไป เนื่องจากสัดส่วนของรายได้จากธุรกิจนี้มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับรายการปรับมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้เห็นได้ว่ากลยุทธ์ของ Strategy ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยมี Bitcoin เป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนมูลค่าและผลกำไรของบริษัทในปัจจุบัน
นี่คือปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนผลกำไรและมูลค่าตลาดของบริษัท โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 ผลการดำเนินงานเกี่ยวกับ Bitcoin มีดังนี้:
ในไตรมาส 2 ปี 2025 บริษัทมีรายได้จากซอฟต์แวร์จำนวน 114.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะเดียวกันยังมี กำไรจากการปรับมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัล มาจากการรับรู้กำไรทางบัญชีจาก Unrealized Fair Value Gain มูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถูกบันทึกในรายการกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Income) ไม่ได้ถูกจัดเป็นรายได้จากการดำเนินธุรกิจ (Revenue)
กลยุทธ์การเติบโตและจุดแข็งที่โดดเด่น
Strategy Inc. (Nasdaq: MSTR) เป็นบริษัทมหาชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในฐานะ Bitcoin Treasury Company รายแรกและใหญ่ที่สุดของโลก บริษัทได้กำหนดให้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองหลัก (primary treasury reserve asset) และเดินหน้ากลยุทธ์การลงทุนเชิงรุก โดยใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน รวมถึงเงินทุนที่ระดมได้จากการออกหุ้นและตราสารหนี้ เพื่อนำมาสะสม Bitcoin อย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์นี้ทำให้ Strategy กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือครอง Bitcoin รายใหญ่ที่สุด
นอกจากกลยุทธ์ด้าน Bitcoin บริษัท ยังมุ่งเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ Enterprise Analytics ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งถือเป็นธุรกิจดั้งเดิมที่สร้างรายได้มั่นคง และมีบทบาทสำคัญต่อการขยายฐานลูกค้าธุรกิจในระดับโลก การผสานกันของ สินทรัพย์ดิจิทัล และ เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้ Strategy มีรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างจากบริษัทเทคโนโลยีทั่วไป และเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงการเติบโตทั้งจากตลาดซอฟต์แวร์และการเพิ่มมูลค่าของ Bitcoin
จุดแข็งของ Strategy อยู่ที่ความสามารถในการจัดการเงินทุน บริษัทสามารถใช้ตลาดทุนเป็นเครื่องมือในการระดมเงินทุนได้ทั้งในรูปแบบหุ้นและหนี้ เพื่อนำมาขยายการถือครอง Bitcoin ต่อเนื่อง แม้ในช่วงที่ตลาดคริปโตมีความผันผวน ขณะเดียวกันการรักษาความเชี่ยวชาญในธุรกิจซอฟต์แวร์ ก็ช่วยสร้างกระแสรายได้ที่มั่นคงและเสริมความแข็งแกร่งให้กับงบดุล ความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์นี้ทำให้ Strategy สามารถตอบโจทย์นักลงทุนที่มองหาทั้งการเติบโตจากเทคโนโลยี และโอกาสจากการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล
เมื่อพิจารณาภาพรวมแล้ว Strategy ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทซอฟต์แวร์หรือบริษัทลงทุนในคริปโทเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผู้นำที่เชื่อมโยงสองโลกเข้าด้วยกัน กลยุทธ์ที่ชัดเจนในการสะสม Bitcoin ควบคู่กับการพัฒนา AI-powered analytics ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว และวางตำแหน่งตนเองให้เป็นทั้งผู้นำในด้าน Digital Asset และ Enterprise Analytics
การเปรียบเทียบกับคู่แข่งในระดับโลก
เทียบกับ Metaplanet (TSE: 3350)
Strategy (NASDAQ: MSTR) และ Metaplanet (TSE: 3350) คือสองบริษัทมหาชนที่ประกาศชัดเจนว่ากลยุทธ์หลักของตนคือการนำ Bitcoin (BTC) มาเป็นสินทรัพย์สำรองหลัก (Treasury Reserve Asset) เพื่อสร้างคุณค่าให้ผู้ถือหุ้นในระยะยาว ทั้งสองบริษัทสะสม Bitcoin อย่างมีวินัยผ่านการระดมทุนในตลาดทุน แม้จะมีแนวทางที่คล้ายกัน แต่ทั้งสองบริษัทก็มีจุดที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจ
Strategy เป็นบริษัทซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ที่ยังมีรายได้จากธุรกิจ Business Intelligence และ AI แต่ได้เปลี่ยนสินทรัพย์หลักมาเป็น Bitcoin ปัจจุบันถือครอง 638,460 BTC (ข้อมูล ณ วันที่ 15 กันยายน 2025) โดยมีมูลค่าตลาดราว 74.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลยุทธ์การระดมทุนของบริษัทเน้นผ่านการออกหุ้น (IPO) และ ATM program ซึ่งสร้างเม็ดเงินรวมกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้สามารถขยายการถือครอง BTC ได้ต่อเนื่อง พร้อมทั้งดึงดูดนักลงทุนสถาบันและรายย่อยเข้ามาลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา Bitcoin ที่อาจกระทบต่อมูลค่าหุ้นโดยตรง
ในอีกด้านหนึ่ง Metaplanet ซึ่งมีมูลค่าตลาดเพียง 3.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือครอง 20,136 BTC และมุ่งมั่นสร้างภาพลักษณ์ในฐานะ “Japan’s First Bitcoin Treasury Company” กลยุทธ์ทางการเงินมีความหลากหลาย ทั้งการออกหุ้น พันธบัตร และ stock warrants เพื่อเพิ่มการถือครอง BTC นอกจากนี้ยังผลักดันการยอมรับ Bitcoin ในประเทศญี่ปุ่นผ่านโครงการเชื่อมโยงกับชุมชน เช่น Bitcoin Magazine Japan และ The Bitcoin Hotel
การเปรียบเทียบกับธุรกิจในประเทศไทย
เทียบกับ Jasmine International (JAS.BK)
Strategy (์NASDAQ : MSTR) และ Jasmine International (JAS.BK) ต่างมีจุดร่วมที่น่าสนใจคือการนำ Bitcoin เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการเงิน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการปรับตัวเข้าสู่ยุคสินทรัพย์ดิจิทัล
Strategy ถือเป็นบริษัทมหาชนรายแรกของโลกที่ใช้กลยุทธ์นี้และถือครอง Bitcoin ในปริมาณมหาศาล ทำให้หุ้น MSTR กลายเป็นสัญลักษณ์ของการลงทุนที่เชื่อมโยงกับการเติบโตของ Bitcoin โดยตรง
ในขณะเดียวกัน JAS โดยมีธุรกิจหลัก คือ โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม แม้จะมีมูลค่าตลาดเล็กกว่า MSTR แต่ก็ถือเป็น “ผู้นำของไทย” ที่เริ่มสะสม Bitcoin อย่างจริงจัง โดยมีการถือครองกว่า 506 BTC ( ณ วันที่ 15 กันยายน 2025) ซึ่งมากที่สุดในบรรดาบริษัทจดทะเบียนในประเทศ อีกทั้งยังลงทุนต่อยอดในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Digital Asset และ Data Center ซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต
เมื่อเปรียบเทียบแล้ว Strategy แสดงถึงความแข็งแกร่งในระดับสากลด้วยขนาดและการเข้าถึงตลาดทุนโลก ขณะที่ JAS แสดงถึงการเป็นผู้บุกเบิกในประเทศไทยที่สามารถผสานธุรกิจโทรคมนาคมและดิจิทัลเข้ากับการถือครอง Bitcoin ได้อย่างมีศักยภาพ ดังนั้น ทั้งสองบริษัทจึงสะท้อนโอกาสการเติบโตในมิติที่แตกต่าง แต่ต่างก็มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้นำกลยุทธ์ Bitcoin ในตลาดของตนเอง
ความท้าทายและความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ
แม้ว่า Strategy จะมีตำแหน่งที่โดดเด่นในฐานะบริษัทมหาชนที่นำ Bitcoin มาใช้เป็นสินทรัพย์สำรองหลัก แต่หุ้น MSTR ก็ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้านที่นักลงทุนไม่อาจมองข้ามได้ ความเสี่ยงสำคัญที่สุดคือความผันผวนของราคา Bitcoin ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าหุ้น เนื่องจากบริษัทพึ่งพา Bitcoin เป็นสินทรัพย์หลักในงบดุล ราคาหุ้น MSTR จึงมีความผันผวนสูงกว่าหุ้นทั่วไป และหากราคา Bitcoin ไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อีกหนึ่งประเด็นที่สร้างความกังวลคือภาระหนี้สิน เนื่องจากบริษัทประกาศชัดเจนว่าจะไม่ขาย Bitcoin เพื่อชำระหนี้ ทำให้ทางเลือกหลักในการบริหารหนี้คือการรีไฟแนนซ์ผ่านการออกตราสารหนี้ใหม่ โดยเฉพาะหุ้นกู้แปลงสภาพแบบดอกเบี้ยศูนย์ แม้กลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนได้ในระยะสั้น แต่พันธบัตรชุดใหญ่จะครบกำหนดในปี 2027 ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโครงสร้างเงินทุนในระยะกลางถึงยาว
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบของตลาด Cryptocurrency ในหลายประเทศยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การเปลี่ยนแปลงของกฎหมายอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อการถือครองหรือการซื้อขาย Bitcoin ของบริษัท ขณะเดียวกันธุรกิจซอฟต์แวร์ดั้งเดิมของบริษัทก็ยังต้องเผชิญการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากผู้เล่นรายใหม่และนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจจำกัดศักยภาพการเติบโตของรายได้ในอนาคต
อนาคตและโอกาสการเติบโต
ในอนาคต Strategy มีโอกาสสร้างการเติบโตจากหลายปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะการยอมรับ Bitcoin ที่ขยายตัวมากขึ้น ทั้งในระดับองค์กร สถาบันการเงิน และรัฐบาลทั่วโลก แนวโน้มการพัฒนาระบบการเงินดิจิทัลและความเป็นไปได้ที่ Bitcoin จะถูกใช้เป็นสินทรัพย์สำรอง (Strategic Reserve Asset) จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและมูลค่าให้กับกลยุทธ์ของบริษัทอย่างมาก การที่บริษัทอื่นเริ่มนำ Bitcoin เข้ามาอยู่ในงบดุลยังเป็นตัวเร่งสำคัญที่ยืนยันบทบาทของ MicroStrategy ในฐานะผู้นำและต้นแบบของกลยุทธ์นี้
นอกเหนือจากกลยุทธ์ด้าน Bitcoin บริษัทก็ยังคงพัฒนาธุรกิจซอฟต์แวร์หลัก ด้วยเทคโนโลยี AI และ Machine Learning เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างคุณค่าแก่ลูกค้า รายได้จากธุรกิจซอฟต์แวร์จะช่วยสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง ซึ่งสามารถนำมาสนับสนุนการขยายการถือครอง Bitcoin ในระยะยาว
ในด้านกลยุทธ์การเงิน Strategy กำลังปรับเป้าหมาย KPI สำหรับปี 2025 โดยอิงกับสมมติฐานราคา Bitcoin สิ้นปีที่ 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ ได้แก่
บริษัทคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวผ่านการออกหุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock Offering) การออกหุ้นสามัญอย่างมีวินัยตามระดับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหุ้น (NAV thresholds) และการนำเงินที่ได้ไปขยายการถือครอง Bitcoin เพิ่มเติม
การผสมผสานระหว่างบทบาทผู้นำในกลยุทธ์ Bitcoin การพัฒนาธุรกิจซอฟต์แวร์ด้วย AI และการเข้าถึงตลาดทุนที่ยืดหยุ่น ทำให้หุ้น Strategy ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตทั้งจากมูลค่าของ Bitcoin และจากการขยายฐานรายได้ในอนาคต เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นในทิศทางระยะยาวของ Bitcoin และต้องการถือครองผ่านตลาดทุน
สนใจลงทุนในหุ้น Strategy (Ticker: MSTR) และหุ้นเติบโตอื่นๆ เปิดประสบการณ์ลงทุนไร้ขีดจำกัดกับแอป InnovestX! เข้าถึง 23 ประเทศ 31 ตลาดทั่วโลกได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว เปิดบัญชีลงทุน คลิกเลย! 👉 https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรศึกษา ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนใน MSTR มีความเสี่ยงสูงจากความผันผวนของราคา Bitcoin และการลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน