การลงทุนใน ‘หุ้นปันผล’ หรือ ‘Dividend Stock’ ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างรายได้แบบสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการเติบโตของพอร์ตการลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะในสภาวะที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูงจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ และสำหรับผู้ที่สนใจ เราจะพาไปรู้จักกับหุ้นปันผลดี รวมถึงวิธีเลือกหุ้นปันผลระยะยาว พร้อมอัปเดตรายชื่อหุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในปี 2567 และ 2568
หุ้นปันผลหมายถึงหุ้นของบริษัทที่มีการจ่ายส่วนแบ่งกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ในรูปแบบของเงินปันผล (Dividend) ซึ่งเป็นการนำกำไรบางส่วนของบริษัทมาแบ่งปันให้กับผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนการถือครอง โดยปันผลอาจจ่ายในรูปแบบของเงินสดหรือหุ้นเพิ่มก็ได้
หุ้นปันผลมักเป็นที่ต้องการของนักลงทุนที่กำลังมองหาการสร้างรายได้เสริมอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้
อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล คือ สัดส่วนระหว่างเงินปันผลต่อหุ้นเทียบกับราคาหุ้น โดยคำนวณจาก
อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (%) = (เงินปันผลต่อหุ้น / ราคาหุ้น) x 100
โดยทั่วไป หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 3-4% ถือว่าเป็นหุ้นปันผลที่น่าสนใจ และหากสูงถึง 6-7% ขึ้นไป ถือว่าเป็นหุ้นปันผลสูง
พิจารณาประวัติการจ่ายปันผลของบริษัทย้อนหลัง 3-5 ปี เพื่อดูความสม่ำเสมอในการจ่าย บริษัทที่มีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงทางการเงินและการเติบโตของธุรกิจ
อัตราการจ่ายเงินปันผล คือ สัดส่วนของกำไรสุทธิที่บริษัทนำมาจ่ายเป็นเงินปันผล คำนวณจาก
อัตราการจ่ายเงินปันผล (%) = (เงินปันผลรวมทั้งปี / กำไรสุทธิ) x 100
อัตราการจ่ายที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 40-60% เนื่องจากหากสูงเกินไปอาจบ่งชี้ว่าบริษัทไม่ได้เก็บกำไรไว้เพื่อการลงทุนในอนาคต แต่หากต่ำเกินไปก็อาจไม่ดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการรายได้จากปันผล
พิจารณาอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ เช่น
บริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีความสามารถในการทำกำไรสูงจะมีศักยภาพในการจ่ายปันผลที่ดีและยั่งยืน
หุ้นปันผลที่ดีควรมาจากบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในระยะยาว เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถรักษาหรือเพิ่มอัตราการจ่ายปันผลได้ในอนาคต
จากข้อมูลดัชนีหุ้น SET100 ซึ่งสะท้อนถึงความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น 100 ตัวแรกที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงที่สุด ทั้งยังมีสภาพคล่องสูง มักเป็นบริษัทขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตสูง โดยในรอบปี 2567 ที่ผ่านมา นี่คือหุ้นปันผล 10 อันดับดีที่สุดของประเทศไทย
แม้เพิ่งผ่านไตรมาสแรกของปี 2568 แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุด ประวัติการจ่ายปันผล และภาพรวมของเศรษฐกิจ เราสามารถคาดการณ์หุ้นปันผล 10 อันดับดีของประเทศไทยในปี 2568 ได้ดังนี้
ด้วยอัตราปันผลคาดการณ์ที่ 10.50% DIF เป็นหนึ่งในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากปันผลสูงสุดในตลาด โดยหุ้นตัวนี้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะเสาโทรคมนาคม ซึ่งสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2567 มีรายได้รวม 10,628.54 ล้านบาท
DMT คาดว่าจะยังคงรักษาอัตราปันผลสูงที่ 10.34% และเป็นอีกหนึ่งหุ้นปันผลที่น่าสนใจประจำปี 2568 เนื่องจากธุรกิจเก็บค่าผ่านทางสร้างรายได้ที่มั่นคงและคาดการณ์ได้ โดยงวด 9 เดือนปี 2567 มีรายได้รวม 1,849.43 ล้านบาท ที่ P/E 13.49 เท่า
MC Group คาดว่าจะจ่ายปันผลในอัตรา 8.26% สำหรับปี 2568 บริษัทมีแบรนด์แฟชั่นที่แข็งแกร่งหลายแบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จักในตลาดไทย ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวม 877.87 ล้านบาท กับ P/E ที่ 12.04 เท่า
ด้วยอัตราปันผลคาดการณ์ที่ 8.03% TISCO เป็นหุ้นกลุ่มธนาคารที่น่าจับตา บริษัทมีจุดแข็งในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงมีความสามารถในการบริหารหนี้เสียได้ดีกว่าธนาคารพาณิชย์อื่น ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวม 18,518 ล้านบาท กับ P/E ที่ 11.07 เท่า
คาดว่า SPALI จะรักษาอัตราปันผลที่น่าสนใจที่ 7.36% ในปี 2568 ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวมถึง 22,791.63 ล้านบาท กับ P/E เพียง 6.19 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม บริษัทมีการพัฒนาโครงการในหลากหลายทำเลและกลุ่มเป้าหมาย ทำให้มีฐานรายได้ที่มั่นคง ราคาปัจจุบันที่ 19.70 บาท แต่ยังต่ำกว่าราคาเฉลี่ยที่ 21.86 บาท
PTTEP เป็นบริษัทในกลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะจ่ายปันผลในอัตรา 7.25% ในปี 2568 บริษัทดำเนินธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งในและต่างประเทศ ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวมสูงถึง 246,422.88 ล้านบาท กับ P/E ที่ 6.60 เท่า
TTW คาดว่าจะให้อัตราปันผลที่ 6.74% ในปี 2568 บริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปา ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีรายได้ที่มั่นคง ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวม 3,855.80 ล้านบาท กับ P/E ที่ 12.43 เท่า
ICHI คาดว่าจะจ่ายปันผลในอัตรา 6.76% สำหรับปี 2568 บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชั้นนำในประเทศไทย ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวม 6,649.54 ล้านบาท กับ P/E ที่ 13.79 เท่า
หนึ่งในหุ้นที่ติดอันดับหุ้นปันผลสูงประจำปี 2567 และยังคงน่าสนใจในปี 2568 โดยในปีที่ผ่านมามีอัตราปันผล 8.80% และคาดว่าจะยังคงรักษาระดับใกล้เคียงในปี 2568 ธนาคารมีกำไรสุทธิของปี 2567 จำนวน 43,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% จากปีก่อน ด้วยราคาหุ้นที่มีแนวโน้มเป็นบวกในปี 2568 (+4.68% YTD) และราคาปัจจุบันที่ 123.00 บาท SCB จึงเป็นหุ้นปันผลที่น่าติดตาม
ปิดท้ายการคาดการณ์หุ้นปันผล 10 อันดับประจำปี 2568 ด้วย TOP ที่เป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานซึ่งมีอัตราปันผลสูงในปี 2567 และคาดว่าจะยังคงให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจในปี 2568 แม้ว่าผลตอบแทนราคาหุ้นในรอบปีที่ผ่านมาจะติดลบถึง 49.30% แต่โบรกเกอร์มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลดำเนินงานในอนาคต โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถกลับมามีกำไรสุทธิได้จากการฟื้นตัวของค่าการกลั่นตลาดและผลขาดทุนจากสต๊อกที่ลดลง
การลงทุนในหุ้นปันผลระยะยาวเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้ประจำจากการลงทุน เช่น ผู้เกษียณอายุ หรือผู้ที่ต้องการสร้างรายได้เสริม โดยไม่ต้องขายหุ้นเพื่อรับผลตอบแทน รวมถึงนักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการเก็งกำไรจากการซื้อขายหุ้นในระยะสั้น
ควรพิจารณาขายหุ้นปันผลเมื่อ
ในประเทศไทย เงินปันผลจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% และผู้ได้รับเงินปันผลมีทางเลือกดังนี้
การลงทุนในหุ้นปันผลควรเป็นการลงทุนระยะยาว อย่างน้อย 3-5 ปีขึ้นไป เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากทั้งเงินปันผลและการเติบโตของมูลค่าหุ้น รวมถึงลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาการลงทุนควรขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล สภาวะตลาด และการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่ลงทุนด้วย
คำเตือน: การลงทุนในหุ้นปันผลมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ อัตราการจ่ายเงินปันผลในอดีตไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต และมูลค่าการลงทุนอาจลดลงต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน
Reference if any: