Keyword
ลงทุนก้าวแรก

รวมเรื่องควรรู้ก่อนเริ่มลงทุน ‘หุ้นปันผลดี’

30 May 25 10:25 AM
สรุปเรื่องควรรู้หุ้นปันผลดีในไทย
สรุปสาระสำคัญ

การลงทุนใน ‘หุ้นปันผล’ หรือ ‘Dividend Stock’ ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างรายได้แบบสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการเติบโตของพอร์ตการลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะในสภาวะที่ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูงจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ และสำหรับผู้ที่สนใจ เราจะพาไปรู้จักกับหุ้นปันผลดี รวมถึงวิธีเลือกหุ้นปันผลระยะยาว พร้อมอัปเดตรายชื่อหุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในปี 2567 และ 2568

หุ้นปันผลคืออะไร ?

หุ้นปันผลหมายถึงหุ้นของบริษัทที่มีการจ่ายส่วนแบ่งกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ในรูปแบบของเงินปันผล (Dividend) ซึ่งเป็นการนำกำไรบางส่วนของบริษัทมาแบ่งปันให้กับผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนการถือครอง โดยปันผลอาจจ่ายในรูปแบบของเงินสดหรือหุ้นเพิ่มก็ได้

หุ้นปันผลมักเป็นที่ต้องการของนักลงทุนที่กำลังมองหาการสร้างรายได้เสริมอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้

  

  • ความสม่ำเสมอในการจ่าย : หุ้นปันผลสูงมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรายปีหรือรายไตรมาส สร้างกระแสรายได้ที่คาดการณ์ได้สำหรับผู้ถือหุ้น
  • สะท้อนความมั่นคงของบริษัท : บริษัทที่สามารถจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอมักมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงและมีกำไรที่สม่ำเสมอ ซึ่งบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ
  • ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด : การได้รับปันผลอย่างต่อเนื่องช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่ราคาหุ้นปรับตัวลง ทำให้นักลงทุนยังคงได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของปันผลแม้ในช่วงที่ตลาดซบเซา
  • เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว : การลงทุนในหุ้นปันผลเป็นกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว เนื่องจากการได้รับปันผลอย่างต่อเนื่องสามารถสะสมและสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะยาว

  

หุ้นปันผลดีดูที่อะไรบ้าง ?

1. อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield)

อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล คือ สัดส่วนระหว่างเงินปันผลต่อหุ้นเทียบกับราคาหุ้น โดยคำนวณจาก

อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (%) = (เงินปันผลต่อหุ้น / ราคาหุ้น) x 100

โดยทั่วไป หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 3-4% ถือว่าเป็นหุ้นปันผลที่น่าสนใจ และหากสูงถึง 6-7% ขึ้นไป ถือว่าเป็นหุ้นปันผลสูง

  

2. ความสม่ำเสมอในการจ่ายปันผล

พิจารณาประวัติการจ่ายปันผลของบริษัทย้อนหลัง 3-5 ปี เพื่อดูความสม่ำเสมอในการจ่าย บริษัทที่มีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงทางการเงินและการเติบโตของธุรกิจ

  

3. อัตราการจ่ายเงินปันผล (Payout Ratio)

อัตราการจ่ายเงินปันผล คือ สัดส่วนของกำไรสุทธิที่บริษัทนำมาจ่ายเป็นเงินปันผล คำนวณจาก

อัตราการจ่ายเงินปันผล (%) = (เงินปันผลรวมทั้งปี / กำไรสุทธิ) x 100

อัตราการจ่ายที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 40-60% เนื่องจากหากสูงเกินไปอาจบ่งชี้ว่าบริษัทไม่ได้เก็บกำไรไว้เพื่อการลงทุนในอนาคต แต่หากต่ำเกินไปก็อาจไม่ดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการรายได้จากปันผล

  

4. ฐานะทางการเงินและความสามารถในการทำกำไร

พิจารณาอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ เช่น

  • อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio)
  • อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)
  • อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA)
  • อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE)

บริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีความสามารถในการทำกำไรสูงจะมีศักยภาพในการจ่ายปันผลที่ดีและยั่งยืน

  

5. แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ

หุ้นปันผลที่ดีควรมาจากบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในระยะยาว เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถรักษาหรือเพิ่มอัตราการจ่ายปันผลได้ในอนาคต

  

สรุป 10 หุ้นไทยปันผลสูงที่สุดประจำปี 2567

จากข้อมูลดัชนีหุ้น SET100 ซึ่งสะท้อนถึงความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น 100 ตัวแรกที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงที่สุด ทั้งยังมีสภาพคล่องสูง มักเป็นบริษัทขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตสูง โดยในรอบปี 2567 ที่ผ่านมา นี่คือหุ้นปันผล 10 อันดับดีที่สุดของประเทศไทย

  

1. JAS - บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

  • เงินปันผล YTD: 29.05%
  • ราคา YTD: +1.90%
  • มาร์เก็ตแคป: 18,389 ล้านบาท

  

2. SCB - บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)

  • เงินปันผล YTD: 8.76%
  • ราคา YTD: +11.32%
  • มาร์เก็ตแคป: 397,319 ล้านบาท

  

3. TASCO - บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน)

  • เงินปันผล YTD: 6.87%
  • ราคา YTD: +10.98%
  • มาร์เก็ตแคป: 28,726 ล้านบาท

  

4. TCAP - บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)

  • เงินปันผล YTD: 6.37%
  • ราคา YTD: +1.52%
  • มาร์เก็ตแคป: 52,692 ล้านบาท

  

5. KKP - ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

  • เงินปันผล YTD: 5.80%
  • ราคา YTD: +4.98%
  • มาร์เก็ตแคป: 44,667 ล้านบาท

  

6. STA - บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)

  • เงินปันผล YTD: 5.68%
  • ราคา YTD: +9.32%
  • มาร์เก็ตแคป: 27,034 ล้านบาท

  

7. TTB - ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)

  • เงินปันผล YTD: 5.62%
  • ราคา YTD: +11.38%
  • มาร์เก็ตแคป: 181,167 ล้านบาท

  

8. STGT - บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

  • เงินปันผล YTD: 5.05%
  • ราคา YTD: +47.76%
  • มาร์เก็ตแคป: 28,365 ล้านบาท

  

9. TLI - บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

  • เงินปันผล YTD: 4.76%
  • ราคา YTD: +14.75%
  • มาร์เก็ตแคป: 120,225 ล้านบาท

  

10. BA - บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

  • เงินปันผล YTD: 4.46%
  • ราคา YTD: +42.68%
  • มาร์เก็ตแคป: 47,040 ล้านบาท

  

คาดการณ์ 10 หุ้นไทยปันผลโดดเด่นประจำปี 2568

แม้เพิ่งผ่านไตรมาสแรกของปี 2568 แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุด ประวัติการจ่ายปันผล และภาพรวมของเศรษฐกิจ เราสามารถคาดการณ์หุ้นปันผล 10 อันดับดีของประเทศไทยในปี 2568 ได้ดังนี้

  

1. DIF - โครงสร้างพื้นฐานคมนาคมดิจิทัล

ด้วยอัตราปันผลคาดการณ์ที่ 10.50% DIF เป็นหนึ่งในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากปันผลสูงสุดในตลาด โดยหุ้นตัวนี้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะเสาโทรคมนาคม ซึ่งสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2567 มีรายได้รวม 10,628.54 ล้านบาท

  

2. DMT - บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)

DMT คาดว่าจะยังคงรักษาอัตราปันผลสูงที่ 10.34% และเป็นอีกหนึ่งหุ้นปันผลที่น่าสนใจประจำปี 2568 เนื่องจากธุรกิจเก็บค่าผ่านทางสร้างรายได้ที่มั่นคงและคาดการณ์ได้ โดยงวด 9 เดือนปี 2567 มีรายได้รวม 1,849.43 ล้านบาท ที่ P/E 13.49 เท่า

  

3. MC - บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

MC Group คาดว่าจะจ่ายปันผลในอัตรา 8.26% สำหรับปี 2568 บริษัทมีแบรนด์แฟชั่นที่แข็งแกร่งหลายแบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จักในตลาดไทย ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวม 877.87 ล้านบาท กับ P/E ที่ 12.04 เท่า

  

4. TISCO - บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

ด้วยอัตราปันผลคาดการณ์ที่ 8.03% TISCO เป็นหุ้นกลุ่มธนาคารที่น่าจับตา บริษัทมีจุดแข็งในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงมีความสามารถในการบริหารหนี้เสียได้ดีกว่าธนาคารพาณิชย์อื่น ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวม 18,518 ล้านบาท กับ P/E ที่ 11.07 เท่า

  

5. SPALI - บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)

คาดว่า SPALI จะรักษาอัตราปันผลที่น่าสนใจที่ 7.36% ในปี 2568 ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวมถึง 22,791.63 ล้านบาท กับ P/E เพียง 6.19 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม บริษัทมีการพัฒนาโครงการในหลากหลายทำเลและกลุ่มเป้าหมาย ทำให้มีฐานรายได้ที่มั่นคง ราคาปัจจุบันที่ 19.70 บาท แต่ยังต่ำกว่าราคาเฉลี่ยที่ 21.86 บาท

  

6. PTTEP - บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

PTTEP เป็นบริษัทในกลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะจ่ายปันผลในอัตรา 7.25% ในปี 2568 บริษัทดำเนินธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งในและต่างประเทศ ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวมสูงถึง 246,422.88 ล้านบาท กับ P/E ที่ 6.60 เท่า 

  

7. TTW - บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน)

TTW คาดว่าจะให้อัตราปันผลที่ 6.74% ในปี 2568 บริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปา ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีรายได้ที่มั่นคง ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวม 3,855.80 ล้านบาท กับ P/E ที่ 12.43 เท่า

  

8. ICHI - บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

ICHI คาดว่าจะจ่ายปันผลในอัตรา 6.76% สำหรับปี 2568 บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชั้นนำในประเทศไทย ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้รวม 6,649.54 ล้านบาท กับ P/E ที่ 13.79 เท่า

  

9. SCB - บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)

หนึ่งในหุ้นที่ติดอันดับหุ้นปันผลสูงประจำปี 2567 และยังคงน่าสนใจในปี 2568 โดยในปีที่ผ่านมามีอัตราปันผล 8.80% และคาดว่าจะยังคงรักษาระดับใกล้เคียงในปี 2568 ธนาคารมีกำไรสุทธิของปี 2567 จำนวน 43,943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% จากปีก่อน ด้วยราคาหุ้นที่มีแนวโน้มเป็นบวกในปี 2568 (+4.68% YTD) และราคาปัจจุบันที่ 123.00 บาท SCB จึงเป็นหุ้นปันผลที่น่าติดตาม

  

10. TOP - บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

ปิดท้ายการคาดการณ์หุ้นปันผล 10 อันดับประจำปี 2568 ด้วย TOP ที่เป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานซึ่งมีอัตราปันผลสูงในปี 2567 และคาดว่าจะยังคงให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจในปี 2568 แม้ว่าผลตอบแทนราคาหุ้นในรอบปีที่ผ่านมาจะติดลบถึง 49.30% แต่โบรกเกอร์มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลดำเนินงานในอนาคต โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถกลับมามีกำไรสุทธิได้จากการฟื้นตัวของค่าการกลั่นตลาดและผลขาดทุนจากสต๊อกที่ลดลง

  

FAQ - คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นปันผล

1. การลงทุนในหุ้นปันผลเหมาะกับใคร ?

การลงทุนในหุ้นปันผลระยะยาวเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้ประจำจากการลงทุน เช่น ผู้เกษียณอายุ หรือผู้ที่ต้องการสร้างรายได้เสริม โดยไม่ต้องขายหุ้นเพื่อรับผลตอบแทน รวมถึงนักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการเก็งกำไรจากการซื้อขายหุ้นในระยะสั้น

  

2. ควรลงทุนในหุ้นปันผลอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ ?

  • กระจายการลงทุนในหุ้นปันผลหลากหลายประเภทธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยง
  • เลือกบริษัทที่มีประวัติการจ่ายปันผลสม่ำเสมอและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
  • พิจารณาปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ไม่ใช่แค่อัตราเงินปันผลเท่านั้น
  • มีระยะเวลาการลงทุนที่ยาวพอให้ได้รับประโยชน์จากการทบต้นของเงินปันผล
  • พิจารณาภาษีที่เกี่ยวข้องกับเงินปันผลเพื่อวางแผนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ
  • วิเคราะห์จากสถิติที่ผ่านมา เช่น 10 อันดับหุ้นปันผลสูงของปีก่อน ๆ

  

3. เมื่อไรควรขายหุ้นปันผลที่ถืออยู่ ?

ควรพิจารณาขายหุ้นปันผลเมื่อ

  • ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนแปลงในทางลบอย่างมีนัยสำคัญ
  • บริษัทลดหรืองดจ่ายปันผลโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
  • พบโอกาสการลงทุนอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญและมีความเสี่ยงใกล้เคียงกัน
  • ต้องการปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป

  

4. ภาษีเงินปันผลในประเทศไทยเป็นอย่างไร ?

ในประเทศไทย เงินปันผลจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% และผู้ได้รับเงินปันผลมีทางเลือกดังนี้

  • นำไปรวมคำนวณเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปลายปี โดยสามารถเครดิตภาษีเงินปันผลที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายได้
  • เลือกไม่นำไปรวมคำนวณภาษี และถือว่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% เป็นการเสียภาษีเงินได้ครั้งสุดท้าย (final tax)

  

5. นักลงทุนควรถือหุ้นปันผลนานแค่ไหน ?

การลงทุนในหุ้นปันผลควรเป็นการลงทุนระยะยาว อย่างน้อย 3-5 ปีขึ้นไป เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากทั้งเงินปันผลและการเติบโตของมูลค่าหุ้น รวมถึงลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาการลงทุนควรขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล สภาวะตลาด และการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่ลงทุนด้วย

  

คำเตือน: การลงทุนในหุ้นปันผลมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ อัตราการจ่ายเงินปันผลในอดีตไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต และมูลค่าการลงทุนอาจลดลงต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน

  

Reference if any:

https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/561-tsi-top-12-high-dividend-yield-stocks-more-6-percent

 

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5