
Options ไม่ใช่การพนัน แต่คือ “สิทธิ์” ที่ช่วยให้คุณบริหารความเสี่ยงเหมือนมืออาชีพ บทความนี้จะพลิกมุมมอง Call และ Put ให้เป็นเรื่องใกล้ตัว ผ่านตัวอย่างคอนโดและประกันพอร์ต ช่วยให้เข้าใจว่าการซื้อ Options คือวิธีจำกัดขาดทุนตั้งแต่วันแรก เปิดโอกาสทำกำไรแบบไม่ต้องแบกความเสี่ยงทั้งหมด พร้อมแนวคิดเปลี่ยนจาก “นักพนัน” เป็น “นักบริหารความเสี่ยง” ด้วยการใช้ Leverage และ Hedging อย่างถูกต้อง
คุณคือ "นักพนัน" หรือ "นักบริหารความเสี่ยง"?
ในวงการการเงิน มักจะมีเส้นกั้นบางๆ ระหว่าง "นักพนัน" กับ "นักบริหารความเสี่ยง" นักพนันเดินเข้าตลาด Futures & Options ด้วยความหวังว่าจะรวยข้ามคืนด้วยพลังของ Leverage แต่นักบริหารความเสี่ยง เครื่องมือเหล่านี้คือ "จิ๊กซอว์" ชิ้นสำคัญที่ช่วยให้พวกเขาคุมความเสี่ยงได้เบ็ดเสร็จ และสร้างกำไรได้ในวันที่คนอื่นกำลังขวัญเสีย
ความลับนั้นไม่ได้อยู่ที่กราฟเทคนิคที่ซับซ้อน แต่อยู่ที่คำสั้นๆ คำเดียวคือ... "สิทธิ์ (Rights)"
Call Options: "สิทธิ์" ที่จะคว้าโอกาส โดยไม่ต้องแบกความเสี่ยงทั้งหมด
ลองนึกภาพว่าคุณเจอ "คอนโดมิเนียมทำเลทอง" ห้องหนึ่งราคา 10 ล้านบาท คุณมั่นใจมากว่าปีหน้าจะมีห้างสรรพสินค้ามาเปิดข้างๆ และราคาจะพุ่งไปเป็น 15 ล้านแน่ๆ
แต่ปัญหาก็คือ วันนี้คุณไม่อยากเอาเงินสด 10 ล้านไปจมไว้ หรือไม่อยากกู้แบงก์ให้เสียดอกเบี้ยมหาศาล
คุณจึงเดินไปหาพนักงานขายของโครงการคอนโดมิเนียมแล้วขอ "ซื้อใบจอง" ในราคา 200,000 บาท เพื่อแลกกับ "สิทธิ์ในการซื้อคอนโดห้องนี้ในราคา 10 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 1 ปี"
นี่คือหน้าที่ของ Call Options: ล็อกต้นทุน เพื่อเปิดโอกาสรับกำไรที่ไม่จำกัด ในขณะที่จำกัดยอดขาดทุนไว้ตั้งแต่วันแรก
Put Options: "สิทธิ์" ที่จะรอดพ้นจากวิกฤต ในวันที่คนอื่นขาดทุนจากตลาดขาลง
ถ้า Call Options คือความหวัง... Put Options คือความมั่นคงครับ
ลองนึกถึงวันที่คุณซื้อหุ้นพื้นฐานดีเก็บไว้เต็มพอร์ต แต่วันดีคืนดีมีข่าววิกฤตเศรษฐกิจโลกส่อแววจะทำหุ้นตกหนัก คนส่วนใหญ่ทำได้แค่ "ภาวนา" หรือไม่ก็ "ยอมขายขาดทุน" ออกไปก่อน
แต่เทรดเดอร์มือโปรหรือนักลงทุนที่มีความรู้เรื่อง Options จะใช้สิ่งที่เรียกว่า Put Options ซึ่งเปรียบเสมือน "ประกันภัยพอร์ตโฟลิโอ"
การซื้อ Put Options คือการจ่ายเงินเล็กน้อยเพื่อซื้อ "สิทธิ์ในการขายหุ้นที่ราคาเดิม" ไม่ว่าในอนาคตราคาในตลาดจะดิ่งลงไปลึกแค่ไหนก็ตาม
สมมติเล่นๆ ถ้าตลาดถล่ม 30% ในขณะที่คนอื่นพอร์ตแดงเดือด คุณกลับยิ้มได้ เพราะคุณมี "สิทธิ์" ที่จะขายหุ้นตัวเดิมในราคาสูงก่อนที่มันจะตก คุณสามารถนำกำไรจากประกันนี้มาชดเชยส่วนที่หุ้นลดลง หรือแม้แต่เอาไปซื้อหุ้นเพิ่มในราคาที่ถูกลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ
Note: "นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คนที่มองหาแต่กำไร แต่คือคนที่รู้วิธีจัดการกับความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุนของตัวเองเสมอ(รู้ว่าหากเกิดเหตุการณ์วิกฤติพอร์ตเครื่องมือที่ใช้จะสามารถจำกัดความเสียหายได้อย่างไร)
จิตวิทยาของ "ผู้ถือสิทธิ์" vs "ผู้แบกภาระ"
ทำไมการเทรด Options ถึงช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น?
เพราะในสัญญา Options ผู้ซื้อ(Long Options)คือ "ผู้ถือสิทธิ์" ส่วนผู้ขาย(Short Options)คือ "ผู้มีภาระผูกพัน" เมื่อคุณเป็นผู้ถือสิทธิ์ คุณคือผู้คุมเกม คุณรู้ล่วงหน้าว่า "จุดที่แย่ที่สุด (Worst Case Scenario)" ของคุณคืออะไร นั่นคือค่าพรีเมียมที่คุณจ่ายไป
ความสงบทางใจไม่ได้มาจากการที่รู้ว่าจะกำไรเท่าไหร่ แต่มันมาจากการที่รู้ว่า "เราจะเสียมากที่สุดได้แค่ไหน" เมื่อความกลัวถูกกำจัดด้วยการวางแผนที่ชัดเจน สมองของคุณจะว่างพอที่จะมองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดได้ดีกว่าคนอื่น
บทเรียนที่ใช้ได้จริง
สถานการณ์: หุ้นเทคโนโลยีตัวหนึ่งกำลังจะประกาศงบการเงิน ซึ่งมีความผันผวนสูงมาก
เทรดเดอร์ B ไม่ได้เก่งกว่าที่เดากราฟถูก แต่เขาเก่งกว่าเพราะ "เตรียมตัวรับมือเมื่อเดาผิด" ไว้แล้ว

จากนักพนันสู่นักบริหารความเสี่ยง
การจะก้าวไปสู่ระดับมืออาชีพ คุณต้องเลิกมองว่า Options คือการ "พนันบนทิศทาง" แต่ให้มองว่ามันคือ "เครื่องมือจัดการความเป็นไปได้" ซึ่งประโยชน์ของการซื้อ (Long) ออปชันมี 2 ข้อหลัก
จำไว้ว่า... ในตลาดการเงิน คนที่อยู่รอดได้นานที่สุดไม่ใช่คนที่กล้าเสี่ยงที่สุด แต่คือคนที่เข้าใจกฎของความเสี่ยงดีที่สุด และใช้เครื่องมือที่มีอยู่เพื่อเปลี่ยนจาก "ผู้ตามตลาด" มาเป็น "ผู้คุมเกม"
อ่านบทความออปชันเพิ่มเติม
ทำความรู้จักกับ SET 50 Index Options ในตลาด TFEX
US Options 101 (ฉบับอ่านง่าย): เข้าใจ “Long Call & Long Put” แบบใช้ได้จริง + คู่มือจัดการความเสี่ยง