เจาะลึก YieldMax ETFs: โอกาสสร้างปันผลสูง... บนความเสี่ยงที่ต้องเข้าใจ

YieldMax ETFs คืออะไร?

ลักษณะผลตอบแทนย้อนหลังของ YieldMax ETFs ในแต่ละสภาวะตลาด (อ้างอิงผลการดำเนินงานของกองทุน YieldMax™ TSLA Option Income Strategy ETF และหุ้น Tesla)

• ผลตอบแทนน้อยกว่าตลาด แต่ยังสร้าง Income ได้สม่ำเสมอ

• เป็นช่วงที่กลยุทธ์ Covered Call มีผลการดำเนินงานโดดเด่นที่สุด

• กลยุทธ์ Covered Call ขาดทุนน้อยกว่าตลาดเนื่องจากมี Income มาช่วยลดผลกระทบ

ข้อดีของ YieldMax ETFs

1. ผลตอบแทนรายเดือนที่สูงมาก (High Monthly Income): นี่คือจุดขายหลักที่ดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดเพื่อใช้จ่ายหรือลงทุนต่อ
2. เข้าถึงกลยุทธ์ที่ซับซ้อนได้ง่าย: นักลงทุนรายย่อยทั่วไปอาจไม่มีความรู้หรือเวลาในการบริหารจัดการ Options ด้วยตนเอง ดังนั้น YieldMax ETFs นี้จึงเป็นทางลัดในการเข้าถึงกลยุทธ์ดังกล่าว
3. ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการทำเอง: การทำ Covered Call ด้วยตนเองบนหุ้นราคาแพงอย่าง NVIDIA ต้องใช้เงินทุนมหาศาลเพื่อซื้อหุ้นให้ครบ 100 ตัว แต่การซื้อ ETF ใช้เงินน้อยกว่ามาก

ข้อควรระวัง และความเสี่ยง

1. Income ขึ้นอยู่กับความผันผวนของตลาด: กลยุทธ์นี้สร้างรายได้ได้ดีเมื่อหุ้นอ้างอิงมีความผันผวนสูง ดังนั้น หากตลาดหรือหุ้นตัวนั้นๆ เข้าสู่ช่วงที่มีความผันผวนต่ำ รายได้และเงินปันผลก็จะลดลงตามไปด้วย
2. จำกัดโอกาสทำกำไรขาขึ้น: เพราะกลยุทธ์มีการขาย Call Option หากหุ้นแม่ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว YieldMax ETFs อาจสร้างผลตอบแทนได้ต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นอ้างอิงโดยตรง
3. ยังมีความเสี่ยงจากตลาดขาลง: ในทางกลับกัน หากหุ้นแม่ราคาดิ่งลงอย่างรุนแรง มูลค่าของ ETF ก็จะดิ่งลงตามไปด้วย แม้จะได้รับค่า Premium มาช่วยลดทอนผลขาดทุนได้บ้าง แต่ก็มักจะไม่เพียงพอที่จะชดเชยการขาดทุนจากราคาหุ้นได้ทั้งหมด

YieldMax ETFs เหมาะกับใคร?

• นักลงทุนที่เน้นสร้างกระแสเงินสด: นักลงทุนที่ต้องการสร้างกระแสรายได้อย่างสม่ำเสมอ และต้องการ Income มากกว่าการเติบโต
• นักลงทุนที่ยังต้องการการเติบโตไปพร้อมกับตลาดหุ้น: ผู้ที่ยังอยากลงทุนในหุ้น และต้องการสร้างกระแสเงินสดเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากเงินปันผล
• นักลงทุนที่เข้าใจ Options เบื้องต้น: ผู้ที่เข้าใจกลไกการทำงานของ Options เบื้องต้น และสามารถรับความเสี่ยงของตราสารอนุพันธ์ได้

แนะนำกองทุน YieldMax ETFs

• หุ้นอ้างอิง: MicroStrategy (MSTR) บริษัทซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุดในโลก
• Div. Yield ย้อนหลัง 12 เดือน: 142%
• ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: 102.2%

• หุ้นอ้างอิง: Nvidia (NVDA) ผู้นำด้านการออกแบบชิปกราฟิก (GPU) จากสหรัฐฯ ที่ใช้ในเกม ปัญญาประดิษฐ์ และดาต้าเซ็นเตอร์
• Div. Yield ย้อนหลัง 12 เดือน: 98%
• ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: 18.8%

• หุ้นอ้างอิง: Coinbase (COIN) แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ให้บริการซื้อขายและเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับบุคคลและสถาบัน
• Div. Yield ย้อนหลัง 12 เดือน: 160%
• ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: -4.9%

• หุ้นอ้างอิง: Tesla (TSLA) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากสหรัฐฯ
• Div. Yield ย้อนหลัง 12 เดือน: 117%
• ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: 43.2%

• หุ้นอ้างอิง: Palantir Technologies (PLTR) บริษัทซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ที่ให้บริการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) แก่ภาครัฐและองค์กรขนาดใหญ่
• Div. Yield ย้อนหลัง 12 เดือน: 57%* (จ่ายไม่ถึง 12 ครั้ง)
• ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน: 60.4%

• หุ้นอ้างอิง: Amazon.com (AMZN) บริษัทอีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจครอบคลุมค้าปลีกออนไลน์ คลาวด์คอมพิวติ้ง (AWS) และบริการดิจิทัลหลากหลาย
• Div. Yield ย้อนหลัง 12 เดือน: 51% 
• ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: 11.7%

• หุ้นอ้างอิง: Meta Platforms (META) บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังอย่าง Facebook และ Instagram
• Div. Yield ย้อนหลัง 12 เดือน: 48% 
• ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: 27.8%

• หุ้นอ้างอิง: Netflix (NFLX) ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งวิดีโอชั้นนำระดับโลก นำเสนอภาพยนตร์ ซีรีส์และรายการยอดนิยมจากทั่วทุกมุมโลก
• Div. Yield ย้อนหลัง 12 เดือน.: 45% 
• ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: 73.4%

• หุ้นอ้างอิง: AMD (AMD) บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จากสหรัฐฯ ที่ผลิตซีพียูและจีพียูสำหรับคอมพิวเตอร์ เกม และดาต้าเซ็นเตอร์
• Div. Yield ย้อนหลัง 12 เดือน: 84% 
• ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: -25.6%

• หุ้นอ้างอิง: Apple (AAPL) บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกจากสหรัฐฯ ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ชื่อดังอย่าง iPhone, Mac, iPad และอื่น ๆ
• Div. Yield ย้อนหลัง 12 เดือน: 36% 
• ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี: -2.3%