ราคาเบนซินในสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบกว่า 4 ปีที่ US$1.77/gal. (Figure 2) จากความต้องการใช้ในประเทศที่ต่ำตามฤดูกาล พิจารณาจากสถิติการเปลี่ยนแปลงสต็อกเบนซินสหรัฐฯ รายสัปดาห์ที่มักจะเพิ่มขึ้นระหว่างช่วงปลายปีถึงช่วงต้นปีถัดไป (Figure 3), ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงต่อเนื่องตามอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มการผลิตโดย OPEC และตะวันออกกลาง และอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปจากจีนส่งออกสู่ตลาดโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังจีนประกาศโควตานำเข้าน้ำมันดิบรอบใหม่ ขณะที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอ (Reuters)
มองเป็นปัจจัยลบต่อส่วนต่างราคาเบนซินที่คาดว่าจะมี Downside ต่อเนื่องในช่วงรอยต่อของปี 2025-2026 รวมถึงส่วนต่างราคาเบนซินในยุโรปที่มีแนวโน้มลดลงจากอุปทานสหรัฐฯ ที่จะส่งออกสู่ยุโรปเพิ่มเติม จากช่วง พ.ย. 2025 ที่ส่วนต่างราคาเบนซินในยุโรปได้พุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือน เนื่องจากการปิดซ่อมโรงกลั่นทั่วยุโรปและโรงกลั่นรัสเซียที่เสียหายจากการโจมตี มองเป็นลบต่อโรงกลั่นที่มีสัดส่วนการผลิตเบนซินสูง ระมัดระวังการเก็งกำไร SPRC แต่ในช่วงสิ้นปีนี้คาดว่าส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยานจะคงแข็งแกร่งจากความต้องการการเดินทางทางอากาศที่สูงตามฤดูกาล IATA ประเมินการเติบโตของยอดจองตั๋วจะเร่งตัวต่อเนื่องใน ธ.ค. 2025 ที่ +4.7%YoY สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น TOP ที่มีสัดส่วนการผลิตน้ำมันอากาศยานสูง (Figure 4) และได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันดิบที่ลดลง โดยซาอุฯ ปรับลดราคาส่งออกสู่เอเชีย (OSP) ใน ม.ค. 2026 ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ติดตามรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในปี 2026
IEA คงมองตลาดน้ำมันเกินดุล ราคาน้ำมันดิบลงต่อเนื่อง แม้มีมุมมองบวกเป็นครั้งแรก
IEA ประเมินภาวะเกินดุลของตลาดน้ำมันในปี 2026 ลดลงสู่ +3.84MBD จากเดิมที่ +4.09MBD (Figure 5) เป็นครั้งแรกที่ IEA พลิกมุมมองเป็นบวกต่อตลาดนับตั้งแต่ พ.ค. 2025 จากการปรับคาดการณ์เติบโตอุปสงค์น้ำมันขึ้นเป็น +860kBD จากเดิมที่ +780kBD หนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2026 ที่ดีขึ้น และลดคาดการณ์เติบโตอุปทานลงเล็กน้อยสู่ +2.4MBD จากผลของการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียและเวเนซุเอลาที่เริ่มเห็นผล ส่วน OPEC คงมองตลาดน้ำมันในปี 2026 อยู่ในภาวะสมดุลจากเดิมที่ขาดดุล โดยคงคาดการณ์เติบโตอุปสงค์โลกที่ +1.4MBD ขณะที่การผลิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากทั้งกลุ่ม OPEC+ และ non-OPEC+
คงมองเป็นลบต่อราคาน้ำมันดิบจากตลาดน้ำมันในปี 2026 ที่คงเข้าสู่ภาวะเกินดุล แม้ขนาดของการเกินดุลมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ในระยะสั้นราคาน้ำมันเผชิญ Sentiment เชิงลบจากมุมมองเฟดที่จะลดดอกเบี้ยเพียงปีละ 1 ครั้งในปี 2026-2027 และภาวะเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัว ราคาน้ำมันโลกที่ลดลงต่อเนื่องทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่นลดลง ส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้น (Figure 6) และกองทุนน้ำมันฯ สามารถกลับมาเก็บเงินจากดีเซลได้ในอัตราเทียบเท่ากับใน ต.ค. 2025 ที่ 1.40 บาท/ลิตร (Figure 7) จากใน พ.ย. 2025 ที่ราคาหน้าโรงกลั่นผันผวนตามส่วนต่างราคาน้ำมันโลก ล่าสุดบัญชีกองทุนน้ำมันฯ สามารถเก็บเงินได้เฉลี่ย 97 ลบ./วัน และฐานะล่าสุดเกินดุล 2.87 หมื่นลบ. (Figure 8) มองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมันจากค่าการตลาดที่สูงขึ้นและมีปัจจัยฤดูกาลหนุนความต้องการการเดินทางในประเทศ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น OR ซึ่งมีการกระจายความเสี่ยงเชิงธุรกิจในธุรกิจ Lifestyle ที่แข็งแกร่ง
ความเสี่ยง: เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน, การเมืองในสหรัฐฯ, สถานการณ์ในตะวันออกกลาง, การเมืองในประเทศ, นโยบายพลังงานสหรัฐฯ และไทย, รัสเซีย-ยูเครน, นโยบายการผลิตของ OPEC+