PDF Available  
Macro Making Sense

Macro Making Sense – วิเคราะห์นโยบายรับมือเงินบาทแข็งค่าของ ธปท. วิเคราะห์นโยบายการเงินญี่ปุ่นและโลก

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|22 Dec 25 7:34 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุปวิเคราะห์นโยบายเงินบาทของ ธปท. นโยบายการเงินที่แตกต่างระหว่างญี่ปุ่นและโลก

  • บทวิเคราะห์นโยบายรับมือเงินบาทแข็งค่าของธนาคารแห่งประเทศไทย
  • เงินบาทแข็งค่ากว่า 8% ในปี 2025 เกินกว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ โดยหนึ่งในต้นตอสำคัญจากกระแสเงินทุนในธุรกรรมทองคำออนไลน์ที่มีมูลค่าสูงถึง 40-50% ของ GDP ซึ่งผู้ค้าทองรายใหญ่ที่มี gold inventory เป็นดอลลาร์แต่ได้รายได้เป็นบาท ต้องขายดอลลาร์ซื้อบาทอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (FX hedging) โดยเฉพาะเมื่อราคาทองโลกขึ้น ทำให้ผู้ค้า 3-4 รายที่มีส่วนแบ่งการขายดอลลาร์ถึง 70% ของตลาดต้องเพิ่ม hedging มากขึ้น ผลักดันให้บาทแข็งค่ารวดเร็ว อย่างไรก็ตาม มาตรการของ ธปท. ที่เน้น "การรายงาน" มากกว่า "การควบคุม" อาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เนื่องจาก (1) ไม่ได้ลดปริมาณการซื้อขาย แค่เพิ่มความโปร่งใส (2) การกำกับเฉพาะผู้ค้าออนไลน์ 14 ราย อาจทำให้เกิด regulatory arbitrage โดยเงินทุนหลั่งไหลไปร้านตู้แดงที่ไม่ถูกกำกับแทน และ (3) stablecoin อย่าง USDT ยังไม่ถูกจัดเป็น "ช่องทางเคลื่อนย้ายทุน" ตามกฎหมาย ทำให้ ธปท. ขาด real-time visibility ต่อกระแสเงินทุนที่แท้จริง
  • InnovestX จึงวิเคราะห์ว่า ทางออกที่มีประสิทธิภาพคือการผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มปริมาณเงินในระบบ ควบคู่กับการปรับปรุงกรอบการกำกับดูแลให้ครอบคลุมตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ค่าเงินบาทสะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงและสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ SME ที่คิดเป็น 70% ของการจ้างงานทั้งประเทศแต่สินเชื่อยังหดตัวต่อเนื่อง 13 ไตรมาส
  • บทวิเคราะห์นโยบายการเงินที่แตกต่างระหว่างญี่ปุ่นและโลก
  • นโยบายการเงินโลกกำลังแยกทางอย่างชัดเจน โดย ECB คงอัตราดอกเบี้ยที่ 2%, BOE ลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสามปี ขณะที่ BOJ ขึ้นดอกเบี้ย ไปที่ 0.75% (สูงสุดในรอบ 30 ปี) ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่ง 3% ต่อเนื่อง 44 เดือนและแรงผลักดันค่าจ้างที่แข็งแกร่ง แต่เงินเยนกลับอ่อนค่าถึง 1.2% ไปแตะ 157.48 ต่อดอลลาร์ เนื่องจาก forward guidance เกี่ยวกับ neutral rate และ timing ของการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไม่ชัดเจนพอ ทำให้ตลาดตีความว่านโยบายยังคงผ่อนคลายต่อไป ในขณะเดียวกัน ผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่น 10 ปีพุ่งเกิน 2.02% ครั้งแรกตั้งแต่ปี 1999 สะท้อนความกังวลว่า BOJ อาจ "behind the curve" และนักลงทุนกำลัง price in ความเสี่ยงที่พันธบัตรจะให้ผลตอบแทนต่ำกว่าเงินเฟ้อในระยะยาว ประเด็นสำคัญคือ interest rate differential ระหว่างสหรัฐ-ญี่ปุ่นยังกว้างถึง 3.5-3.75% ทำให้ yen carry trade ยังทำกำไรได้ต่อเนื่อง ประกอบกับ real interest rate ของญี่ปุ่นยังติดลบที่ -2.25% ขณะที่สหรัฐเป็นบวก 0.68% ยังคงดึงดูดเงินทุนไหลออกจากญี่ปุ่น
  • InnovestX วิเคราะห์ว่า แม้ BOJ จะต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเพื่อคุมเงินเฟ้อและนำ real rate กลับมาที่ 0% แต่การปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากข้อจำกัดทางการเมืองทำให้เยนอาจยังอ่อนค่าต่อเนื่อง และผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวมีความเสี่ยงพุ่งขึ้น ในทางตรงกันข้าม ดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงของไทยที่ 1.25% ยังคงสูงกว่าทั้งสหรัฐและญี่ปุ่นเมื่อคำนึงถึงเงินเฟ้อ ทำให้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง สะท้อน monetary policy divergence ที่จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญขับเคลื่อนตลาดการเงินโลกในปี 2026
  •  
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5