PDF Available  
Macro Making Sense

จาก4th plenum สู่โต๊ะเจรจาทรัมป์-สีจิ้นผิง ข้อตกลงการค้าไทยสหรัฐ Wealth Effect: นัยต่อนโยบายตลาดทุนไทย

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|27 Oct 25 7:52 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุประเด็น จากแผน 5 ปีสู่โต๊ะเจรจา ข้อตกลงการค้าไทย-สหรัฐฯ บทวิเคราะห์ Wealth Effect จากตลาดหุ้น นัยต่อนโยบายตลาดทุนไทย

  • พัฒนาการนโยบายเศรษฐกิจจีนและการเผชิญหน้ากับทรัมป์ INVX วิเคราะห์แผนพัฒนาเศรษฐกิจจีนฉบับที่ 15 (2026-2030) ที่เน้นการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การพึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยี และการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย GDP ต่อหัว 20,000 ดอลลาร์ภายในปี 2035 พร้อมกับวิเคราะห์การเจรจาระหว่างจีน-สหรัฐที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคม 2025 ซึ่งจีนใช้ความได้เปรียบด้านแร่ธาตุหายากเป็นไพ่ต่อรองกับทรัมป์ที่ต้องการข้อตกลงระยะสั้น โดยคาดการณ์ 3 สถานการณ์ ได้แก่ ข้อตกลงชั่วคราวเพื่อลดความตึงเครียด (60%), การเจรจาล้มเหลวและเกิดสงครามการค้าเต็มรูป (25%) และข้อตกลงระยะกลางที่ส่งผลบวกต่อตลาด (15%) โดยประเด็นไต้หวันถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่สุดในการเจรจา ทั้งนี้ เราวิเคราะห์ว่าจีนยังคงมุ่งมั่นบรรลุเป้าหมาย GDP 5% ในปี 2025 ผ่านนโยบายการเงินผ่อนคลายและการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังเผชิญความท้าทายจากนโยบาย "ความมั่งคั่งร่วมกัน" ที่อาจกระทบความเชื่อมั่นภาคเอกชน
  • ข้อตกลงการค้าไทย-สหรัฐฯ INVX กรอบข้อตกลงการค้าแบบซึ่งกันและกันระหว่างสหรัฐฯ-ไทย ประกาศเมื่อ 26 ตุลาคม 2025 เป็นข้อตกลงทางการค้าที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่ปี 1966 โดยมีโครงสร้างที่ไม่สมดุล เมื่อไทยต้องยกเลิกภาษีศุลกากร 99% ขณะที่สหรัฐฯ คงภาษีไว้ที่ 19% ข้อตกลงครอบคลุมการลดอุปสรรคทางการค้า การยอมรับมาตรฐานอเมริกัน ข้อผูกมัดด้านแรงงานและสิ่งแวดล้อม การเปิดเสรีภาคดิจิทัล และแพ็กเกจการค้ามูลค่า 2.68 หมื่นล้านดอลลาร์
  • ผลกระทบด้านบวกคือช่วยให้ GDP เติบโต 1.8% หลีกเลี่ยงภาวะถดถอย ภาคอิเล็กทรอนิกส์และผู้ส่งออกได้ประโยชน์จากภาษีที่ลดลง และดึงดูด FDI ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง
  • แต่ด้านลบคือไทยสูญเสียรายได้ภาษี 5-6 หมื่นล้านบาทต่อปี อุตสาหกรรมยานยนต์และเกษตรกรรมต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ค่าเงินบาทอาจแข็งค่าเกินไป ภาคเอกชนต้องแบกรับต้นทุนการปรับมาตรฐานแรงงานและสิ่งแวดล้อม และไทยสูญเสียเครื่องมือทางนโยบายในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศ ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือรายละเอียดสินค้าที่จะได้รับภาษี 0% เงื่อนไข Rules of Origin และมาตรการรองรับผลกระทบของรัฐบาลที่จะเพียงพอหรือไม่
  • บทวิเคราะห์ Wealth Effect จากตลาดหุ้น INVX วิเคราะห์กลไก Wealth Effect จากตลาดหุ้นที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้โดยไม่ใช้งบประมาณภาครัฐ โดยงานวิจัยสากลพบว่าเมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้น ผู้ถือหุ้นจะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามค่า Marginal Propensity to Consume (MPC) ที่ 0.01-0.05 โดยครัวเรือนรายได้ปานกลางมี MPC สูงถึง 23-40% ซึ่งสูงกว่ากลุ่มรายได้สูงที่มีเพียง 3% ประเทศญี่ปุ่นประสบความสำเร็จจากโครงการ NISA ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่การลงทุนในหุ้น ทำให้มีบัญชีเปิดใหม่กว่า 20 ล้านบัญชีภายใน 10 ปี และดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้นกว่า 150% หากดัชนี SET ของไทยเพิ่มขึ้น 10% จะสร้างความมั่งคั่ง 1.2 ล้านล้านบาท กระตุ้นการบริโภค 48,000-60,000 ล้านบาท หรือ 0.3% ของ GDP และเมื่อคำนึง Multiplier Effect ผลกระทบอาจสูงถึง 0.5-1.0% ของ GDP อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยเน้นนโยบายรัฐสวัสดิการและไม่ให้ความสำคัญกับมาตรการสนับสนุนการลงทุนอย่าง TISA และ Jump+ ที่เป็นการสร้างโครงสร้างทางการเงินที่ยั่งยืน INVX จึงเสนอให้รัฐบาลทบทวนนโยบาย คงมาตรการภาษีสนับสนุนตลาดทุน ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านจากระบบ bank-based สู่ capital market-based และปฏิรูปธรรมาภิบาลบริษัทจดทะเบียน เพื่อสร้างกลไกที่ช่วยให้ประชาชนสร้างความมั่งคั่งได้เองอย่างยั่งยืน
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5