1.ทรัมป์รับตำแหน่งวันแรก ตลาดโล่งใจยังไม่ขึ้นภาษีจีน แต่เตรียมขึ้นภาษีเม็กซิโก-แคนาดา 25%
2.สถิติชี้ S&P500 มีโอกาสรีบาวด์ต่อเนื่อง 1-3 เดือน โดยเฉพาะกลุ่มการเงิน-เทคโนโลยี หลัง ปธน.ขึ้นวาระ 2
3.นโยบายพลังงานทรัมป์ INVX คาดดีต่อหุ้น XOM, CVX, COP
4.iPhone ยอดขายในจีนวูบ 18.2% หลัง Huawei แซงขึ้นเบอร์ 1 ตลาดมือถือจีน
5.JPMorgan เตรียมตั้ง War Room วิเคราะห์นโยบายทรัมป์ มั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ใน "Go Mode"
🌙 เรื่องต้องรู้ก่อนเปิดตลาดสหรัฐคืนนี้ 21 ม.ค. 2568
1. ตลาดการเงินโลกเริ่มต้นวันแรกของการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ด้วยความผันผวน โดยในช่วงเช้าตลาดเริ่มต้นด้วยความโล่งใจที่ยังไม่มีการประกาศมาตรการกีดกันทางการค้ากับจีน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์พลิกผันในช่วงบ่ายเมื่อทรัมป์ประกาศเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาสูงถึง 25% ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้
2. หากพิจารณาสถิติทิศทาง S&P500 ในอดีตหลังจากวันพิธีสาบานตน พบว่าตลาดมักตอบสนองเชิงบวกในวันพิธี โดย S&P500 ปรับตัวขึ้นได้ในทุกๆปี ยกเว้นในปี 2008 (Obama) และปี 2000-2001 (Bush) ซึ่งเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดมีแนวโน้มปรับตัวต่อเนื่องในช่วง 1-3 เดือนให้หลัง และมีความผันผวนน้อยกว่าช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ที่สำคัญ ในกรณีประธานาธิบดีเข้ารับตำแหน่งสองวาระ (เรแกน 1984, คลินตัน 1996, บุช 2004, โอบามา 2012) ผลตอบแทนในวาระที่สองมักดีกว่าวาระแรก สะท้อนว่าตลาดชื่นชอบความแน่นอนและการคาดการณ์นโยบายที่ชัดเจน
3. Donald Trump เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งปธน. สหรัฐฯ พร้อมผลักดันสหรัฐฯ เข้าสู่ “ยุคทอง” และเผยถึงนโยบายหลายรายการซึ่งเรามองกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบหลักดังนี้
• กลุ่มยานยนต์: 1) นโยบายที่เกี่ยวข้องคือการยกเลิกข้อบังคับส่งเสริม EV และยกเลิกนโยบายที่ส่งผลให้บริษัทต้องลงทุนในเทคฯปล่อยมลพิษต่ำ 2) มองเป็นบวกต่อกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิม (F, GM) และลบต่อกลุ่ม EV (TSLA, RIVN)
• กลุ่มพลังงาน: 1) การเพิ่มการผลิตพลังงานในประเทศ (ขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ) และยกเลิกข้อจำกัดด้านพลังงานหมุนเวียน รวมถึงยกเลิกข้อบังคับพลังงานสะอาด เช่น ข้อตกลงปารีส นอกจากนี้ลดการสนับสนุนพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ 2) มองเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานน้ำมันและก๊าซ (XOM, CVX, COP) และลบต่อกลุ่มพลังงานสะอาด (NEE, Orsted, FSLR, ENPH)
• การก่อสร้างและเหมืองแร่ : 1) เตรียมเปิดพื้นที่ใหม่และลดข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการขุดเจาะและเหมืองแร่ 2) ภาพรวมการลงทุนในพลังงานแบบดั้งเดิมจะเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเหมืองแร่เชื้อเพลิงฟอสซิล 3) มองเป็นบวกต่อบริษัทเหมืองแร่ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล และเป็นลบต่อเหมืองแร่ที่เกี่ยวข้องกับ EV
• ตลาดแรงงานและรัฐบาลกลาง: 1) ยุติการจ้างงานใหม่ในตำแหน่งที่ไม่จำเป็นนโยบายลด Diversity, Equity, and Inclusion (DEI) 2) มองเป็นลบต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรบด้านDEI เช่น Korn Ferry (KFY) และอุตฯที่พึ่งพาแรงงานจากภาครัฐ
4. ในตลาดจีน Apple ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยยอดขาย iPhone ไตรมาส 4/2566 ลดลง 18.2% ขณะที่ Huawei สามารถแซงขึ้นเป็นผู้นำตลาดด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้น 15.5% YoY สาเหตุสำคัญมาจากการที่ Apple ยังไม่สามารถนำเสนอฟีเจอร์ AI ในตลาดจีนได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการหาพาร์ทเนอร์ในประเทศเพื่อให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI
5. JPMorgan Chase ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ได้จัดตั้ง "War Room" เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ โดย Mary Erdoes หัวหน้าฝ่ายบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่งของธนาคาร แสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลทรัมป์กำลังสร้าง "สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อภาคธุรกิจอย่างมาก" และเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ใน "โหมดเดินหน้า" นอกจากนี้ ยังเผยว่าการพัฒนาด้าน AI จะไม่นำไปสู่การลดจำนวนพนักงาน แต่จะเน้นการพัฒนาทักษะใหม่และกำจัดงานที่ซ้ำซาก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม
ที่มา: Bloomberg และ InnovestX Research
แปลและเรียบเรียง: InnovestX
📱 ดาวน์โหลดแอป InnovestX และเปิดบัญชีวันนี้ที่: https://innovestx.onelink.me/23if/u2qmpt6r