1.จีนย้ำ! ปีหน้า GDP ยังคงเป้าโต 5% พร้อมรับมือสงครามการค้า
2.ECB เดินหน้าลดดอกเบี้ยครั้งที่ 4 และปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อปีหน้า
3.อินเดียลุ้นลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น หลังเงินเฟ้อชะลอตัว
4.AVGO โชว์กำไรกระฉูด ธุรกิจ AI โต 220%
5.COST งบสวยรับการบริโภคสหรัฐฯ เติบโต
5 ประเด็นสำคัญที่คุณต้องรู้ สำหรับวันนี้ (13 ธันวาคม 2567)
1.จีนย้ำ! ปีหน้า GDP ยังคงเป้าโต 5% พร้อมรับมือสงครามการค้า รัฐบาลจีนประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในที่ประชุมวางแผนประจำปีหรือ CEWC นำโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยเน้นนโยบายการคลังเชิงรุก ปรับเพิ่มเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณ และออกพันธบัตรระยะยาวเพิ่มเติม รวมถึงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย มาตรการเหล่านี้สอดคล้องกับมติในที่ประชุมโปลิตบูโรเมื่อต้นสัปดาห์ นักวิเคราะห์คาดว่าจีนจะตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2025 ที่ 5% พร้อมจัดทำงบขาดดุลมากถึง 4% ของ GDP เพื่อรองรับการกู้ยืมเพิ่มเติม ทั้งนี้ จีนยังเตรียมรับมือกับความท้าทายจากภายนอก โดยเฉพาะสงครามการค้ากับสหรัฐฯ หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10%
2.ECB เดินหน้าลดดอกเบี้ยครั้งที่ 4 และปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อปีหน้า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก (Deposit Facility) ลง 0.25% สู่ระดับ 3% ซึ่งเป็นการลดครั้งที่ 4 ในปี 2024 โดยก่อนหน้านี้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 4% ตั้งแต่กันยายน 2023 การปรับลดครั้งนี้สะท้อนถึงกระบวนการลดแรงกดดันเงินเฟ้อชะลอตัว (Disinflation) ที่กำลังเดินหน้าได้ดี พร้อมทั้งยังได้ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2024 จาก 2.5% เหลือ 2.4% และปี 2025 จาก 2.2% เหลือ 2.1% ท่ามกลางสัญญาณการเติบโตที่ชะลอตัวในภาคการผลิตของกลุ่มยูโรโซน โดยเฉพาะเยอรมนี นอกจากนี้ ECB ยังเปลี่ยนแปลงถ้อยแถลงโดยซึ่งเป็นการสะท้อนภาพทิศทางนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากกว่าช่วงก่อนหน้า
3.อินเดียลุ้นลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น หลังเงินเฟ้อชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของอินเดียในเดือนพฤศจิกายน 2024 ลดลงสู่ 5.48% YoY จาก 6.21% YoY ในเดือนตุลาคม ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 5.53% ของนักวิเคราะห์ นับเป็นสัญญาณบวกต่อการลดดอกเบี้ย หลังจากธนาคารกลางอินเดีย (RBI) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 6.5% ในการประชุมครั้งล่าสุด ทั้งนี้ การชะลอตัวของเงินเฟ้อมีปัจจัยหนุนจากราคาผักและพืชผลฤดูใบไม้ร่วงที่ลดลง รวมถึงระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำที่เอื้ออำนวยต่อการผลิตพืชผลฤดูหนาว การแต่งตั้ง "Sanjay Malhotra" เป็นผู้ว่าการคนใหม่ อาจทำให้ RBI ลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025
4.AVGO โชว์กำไรกระฉูด ธุรกิจ AI โต 220% ด้าน Broadcom (AVGO) รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2024 ดีกว่าคาด โดยมีกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 1.42 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.38 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 14.05 พันล้านดอลลาร์ แม้จะต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อยที่ 14.09 พันล้านดอลลาร์ รายได้จากกลุ่มชิป AI โต 12% อยู่ที่ 8.23 พันล้านดอลลาร์ โดยทั้งปี รายได้จาก AI โตพุ่ง 220% แตะ 12.2 พันล้านดอลลาร์ CEO "Hock Tan" เผย AVGO กำลังพัฒนาชิป AI ร่วมกับลูกค้า 3 รายใหญ่ คาดจะมีการใช้งานชิปกว่า 1 ล้านตัวในปี 2027 พร้อมมองโอกาสในตลาดชิป AI สูงถึง 60-90 พันล้านดอลลาร์ใน 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังประกาศเพิ่มเงินปันผล 11% ในปี 2025 เป็น 59 เซนต์ต่อหุ้น หนุนหุ้นพุ่ง 13% หลังปิดตลาด.
5.COST งบสวยรับการบริโภคสหรัฐฯ เติบโต Costco (COST) รายงานกำไรไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2024 ดีกว่าคาด โดยมีกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 4.04 ดอลลาร์ สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 3.79 ดอลลาร์ และรายได้รวม 62.15 พันล้านดอลลาร์ จากแรงหนุนยอดขายออนไลน์ที่โต 13% YoY และยอดขายสินค้าจำพวกเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์กีฬาเติบโตเป็นเลขสองหลักตลอดจนยอดขายของสดและเนื้อสัตว์โต COST ยังได้รับประโยชน์จากการขึ้นค่าธรรมเนียมสมาชิกในเดือนกันยายน โดยรายได้จากค่าสมาชิกเพิ่มขึ้นเกือบ 8% YoY มาอยู่ที่ 1.17 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทยังขยายสาขาใหม่ 7 แห่งในไตรมาสนี้ และมีแผนเปิดอีก 29 แห่งในปีงบประมาณนี้ ส่งผลให้หุ้น COST พุ่งขึ้นเกือบ 50% ตั้งแต่ต้นปี 2024
ประเด็นที่ต้องติดตาม: การรายงานดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของยุโรป โดยคาดว่าจะชะลอการหดตัว ณ ระดับ -1.9% จากช่วงก่อนหน้าที่ -2.8% , การรายงาน GDP MoM ของอังกฤษ โดยคาดว่าจะรายงานออกมาที่ 0.1% จากช่วงก่อนหน้าที่ -0.1% และการรายงานการส่งออกของเยอรมนี (MoM) โดยคาดว่าจะรายงานออกมาที่ -2% จากช่วงก่อนหน้าที่ -1.7%
มุมมองการลงทุน INVX – ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงสัปดาห์หน้า ยังมองตลาดฟื้นตัวต่อ แต่จะแกว่งตัวแคบก่อนการประชุม FOMC จะสิ้นสุด โดยเราคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยตามแผนที่ Fed เคยสื่อสารไว้ได้ในช่วงก่อนหน้านี้ อีกทั้งหาก FOMC Projection ในช่วงปี 2025 ยังมองลดดอกเบี้ย 4 ครั้งจะทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวต่อได้ สำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว (6 - 12 เดือนขึ้นไป) ทาง INVX ยังคงแนะนำทยอยสะสมการลงทุนตลาดหุ้นเวียดนามและทองคำตลอดจนหุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ หลังผลการเลือกตั้งได้ข้อสรุป โดย INVX มองในระยะอีก 1 ปี ต่อจากนี้นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์จะเน้นประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก จึงทำให้หุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้เยอะกว่าประเทศอื่นๆ
📌 [Event Play] (ระยะสั้น 1-3 เดือน) INVX แนะนำลงทุนใน
กองทุน KT-HiDiv-A จากแรงหนุนของการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ที่จะสร้างสภาพคล่องให้กับตลาดหุ้นไทย
กองทุน KT-PRECIOUS หุ้นเหมืองทอง เนื่องจากราคาหุ้นเหมืองทองยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา
กองทุน AFMOAT-HA หุ้นสหรัฐฯคุณภาพดี กระจายการลงทุนในธุรกิจที่มีปราการแข็งแกร่งและไม่กระจุกตัวในหุ้นใหญ่
📌 [Theme play] (ระยะยาว 6-12 เดือน) INVX แนะนำลงทุนใน
กองทุน BGOLD ทองคำได้แรงหนุนจากอุปสงค์จากธนาคารกลางทั่วโลก และวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง
กองทุน ASP-USSMALL-A หุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็กคุณภาพดี จากแนวโน้มการฟื้นตัวกำไรและมีแนวโน้มฟื้นตัวโดดเด่นในระยะข้างหน้า รวมถึงได้ประโยชน์จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง
กองทุน PRINCIPAL VNEQ-A จากการเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง และกำไรเติบโตดี รวมถึงมีมูลค่าที่น่าสนใจ
กองทุน UGIS-N การลงทุนตราสารหนี้โลก เพื่อกระจายความเสี่ยงและรับผลตอบแทนช่วงดอกเบี้ยขาลง