Update การเมืองฝรั่งเศส: วิกฤติการโหวตไว้วางใจรัฐบาล Bayrou คาดส่งผลกระทบหุ้นยุโรประยะสั้น
Update การเมืองฝรั่งเศส: วิกฤติการโหวตไว้วางใจรัฐบาล Bayrou คาดส่งผลกระทบหุ้นยุโรประยะสั้น
By INVX Investment Products & Strategy
27 สิงหาคม 2568
สถานการณ์ล่าสุดของการเมืองฝรั่งเศส
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2025 นายกรัฐมนตรี François Bayrou ประกาศขอ “โหวตไว้วางใจ” (confidence vote) ในสภาแห่งชาติฝรั่งเศสในวันที่ 8 กันยายน เพื่อวัดเสียงสนับสนุนต่อการแผนลดงบประมาณปี 2026 มูลค่า 4.4 หมื่นล้านยูโร ซึ่งจะส่งผลให้ฝรั่งเศสมีการขาดดุลการคลังลดลงเหลือ 4.6% ในปีหน้าจาก 5.4% ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านหลักสามกลุ่ม—National Rally (RN), La France Insoumise (LFI) และพรรค Socialist—ได้ประกาศชัดเจนว่าไม่สนับสนุนมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงการลดวันหยุดราชการ แช่แข็งบำนาญ และเพิ่มภาษีคนรวย ทำให้รัฐบาล Bayrou ที่เป็นรัฐบาลชนกลุ่มน้อยมีเสียงสนับสนุนน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสภา และมีแนวโน้มสูงว่าจะถูกคว่ำในการโหวตครั้งหน้า โดยคะแนนของฝ่ายรัฐบาลอยู่ที่ 210 ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมีคะแนนราว 353
หากรัฐบาลแพ้โหวตจะเกิดอะไรขึ้น
หากฝ่ายค้านยังคงไม่สนับสนุนรัฐบาล Bayrou ในการโหวตไว้วางใจวันที่ 8 กันยายน 2025 รัฐบาลจะต้องลาออกทันที กลายเป็นรัฐบาลรักษาการที่ไม่มีอำนาจผลักดันนโยบายใหม่หรือผ่านงบประมาณปี 2026 ได้ ทำให้การลงทุนภาครัฐและแผนกระตุ้นเศรษฐกิจต้องชะลอออกไป
ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงจะต้องรีบเจรจาตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หากไม่สำเร็จอาจต้องยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ สร้างสุญญากาศทางการเมืองและความไม่แน่นอนต่อทั้งเศรษฐกิจฝรั่งเศสและยุโรปในระยะต่อไป
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ
ฝรั่งเศสอาจต้องดำเนินการโดยใช้ งบประมาณชั่วคราว (Temporary Budget) ซึ่งเป็นการนำงบประมาณปี 2025 มาใช้ซ้ำในช่วงต้นปี 2026 ซึ่งอาจส่งผลให้รัฐบาลไม่มีงบประมาณใหม่ทำให้ทั้งโครงการลงทุนรัฐและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีแนวโน้มกดเศรษฐกิจของฝรั่งเศสไม่เติบโตมากเท่าที่ควร นอกจากนี้ต้นทุนกู้ยืมมีแนวโน้มสูงขึ้นเพราะพันธบัตรถูกเทขาย บริษัทต่าง ๆ ระงับแผนขยายการลงทุนและจ้างงานเพื่อรอความชัดเจนทางการเมือง
สถานการณ์จะคลี่คลายเมื่อไร
ในช่วงเวลานี้จนถึงวันที่ 8 ก.ย. รัฐบาลจะต้องโน้มน้าวฝ่ายค้านโหวตสนับสนุนรัฐบาลจะช่วยลดความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง แต่หากผลโหวตออกมาในตรงกันข้าม Bayrou จะต้องออกจากนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีมาครงแต่งตั้งรัฐบาลใหม่ภายใต้รัฐสภาชุดปัจจุบัน พรรคการเมืองยังพอมีเวลาหาจุดตกลงร่วมและผ่านงบประมาณก่อนสิ้นปีได้ แต่ร่างงบประมาณรอบแรกจะต้องลดความทะเยอทะยานลง ในกรณีนี้คาดว่าขาดดุลปีหน้าอาจจะกลับมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 5% ของ GDP และยังต้องเจรจาเงื่อนไขขณะถกในสภาอีกมาก โดยในกรณีนี้อาจใช้เวลาในการตั้งรัฐบาลราว 2-4 สัปดาห์
ในกรณีที่การแต่งตั้งรัฐบาลใหม่ไม่สำเร็จภายในเวลาอันสั้น อาจต้องตัดสินใจยุบสภาเพื่อจัดเลือกตั้งใหม่ โดยในกรณีนี้จะตั้งรัฐบาลได้ภายใน 1-2 เดือน ซึ่งจะส่งผลให้งบประมาณปี 2026 จะล่าช้า และส่งผลลบต่อเศรษฐกิจมากกว่าในกรณีแรก
คำแนะนำการลงทุน
ในระยะสั้นตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มถูกกดดันจากการเมืองฝรั่งเศสที่มีความไม่แน่นอนสูง และอาจนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชนให้เกิดการชะลอการลงทุนได้ อย่างไรก็ตามเราคาดการณ์ว่าสถานการณ์จะเริ่มผ่อนคลายลงภายใน 2 เดือน
ในระยะกลางเรามองว่าหุ้นยุโรปยังคงมีแนวโน้มได้รับผลบวกจากเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัว โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ส.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.5 จุด ชี้ว่าภาคการผลิตของยุโรปกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 38 เดือน ในขณะที่ PMI ภาคการบริการ เดือน ส.ค. อยู่ที่ระดับ 50.7 จุด โดยขยายตัวติดกันในรอบ 3 เดือน ด้าน EPS Growth ในปี 2026 มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 10% ในขณะที่มี Forward PE 12 months อยู่ที่ระดับ 14.6x ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 5 ปี หากพิจารณา STOXX600 มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นฝรั่งเศสราว 16.6% โดยกองทุน ES-EG-A ที่เราแนะนำมีการลงทุนในหุ้นฝรั่งเศสเพียง 13.3% อ้างอิง Factsheet ณ วันที่ 31 ก.ค. 2025 ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราจึงแนะนำนักลงทุนติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์ และอาจพิจารณาเข้าซื้อสะสมหลังเห็นความชัดเจนของสถานการณ์
