
แนะนำเข้าลงทุนหุ้นอินเดีย > 6 เดือน (Theme Play) มองเป้าหมายผ่าน iShares MSCI India UCITS ETF (NDIA ETF) ที่ $11.05 (+12.2%) และ Stop loss $8.75 (-11.2%) ทั้งนี้ การตัดสินใจเข้าหรือออกจาก position จะพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและ sentiment ของตลาดในขณะนั้นร่วมด้วย
[Theme play คือ กลยุทธ์ที่มองหาโอกาสการลงทุนจากปัจจัยพื้นฐาน การปรับเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง เทรนด์ และแนวโน้มการลงทุนใหม่ๆ ที่เป็นโอกาสการลงทุน]
Event
• รัฐบาลอินเดียเดินหน้าปฏิรูปภาคการเงินครั้งใหญ่ โดยเปิดให้ต่างชาติถือหุ้น 100% ในธุรกิจประกันและกองทุนบำนาญ พร้อมปรับกฎเกณฑ์ภาคธนาคารและตลาดทุน เพื่อดึง long-term foreign capital เข้าสู่ระบบการเงินและสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ช่วยยกระดับตลาดทุนอินเดียในระยะกลาง–ยาว
• การปฏิรูปดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการ deregulation ครั้งสำคัญที่สุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2000 และช่วยเพิ่มความน่าสนใจของอินเดียในฐานะปลายทางเงินทุนระยะยาวของนักลงทุนสถาบันทั่วโลก
• ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) เข้าแทรกแซงตลาด FX ผ่านการขายดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนบทบาทในการควบคุมความผันผวน และช่วยลดความเสี่ยงด้าน FX volatility ซึ่งเป็นหนึ่งในความกังวลหลักของนักลงทุนต่างชาติ โดยเสถียรภาพของค่าเงินที่ดีขึ้น จะเอื้อต่อการไหลกลับของ Fund flow ต่างชาติ เข้าสู่ตลาดหุ้นอินเดียในระยะถัดไป
Fundamental
• Valuation Premium ของตลาดหุ้นอินเดียเมื่อเทียบกับ Asia ex Japan ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากราว 90% เหลือประมาณ 53% ขณะที่ปัจจุบัน MSCI India ซื้อขายที่ FWD P/E ราว 21.8 เท่า ซึ่งอยู่ใกล้ ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี สะท้อนว่าความตึงตัวด้าน Valuation ได้ผ่อนคลายลง โดย Valuation ของตลาดหุ้นอินเดียมีโอกาส Re-rating ขึ้นได้จากเศรษฐกิจและกำไรเติบโตดี
• Bloomberg Consensus คาดว่า EPS ของตลาดหุ้นอินเดียปี 2026 จะเติบโตประมาณ 12.5% สูงกว่าปี 2025 ที่โตราว 6% สะท้อนการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน โดยได้แรงหนุนจาก Domestic Demand ที่แข็งแกร่ง ทั้งการบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชน
• เศรษฐกิจอินเดียอยู่ในภาวะ Goldilocks เติบโตดีแต่ไม่ร้อนแรงเกินไป เงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบที่บริหารจัดการได้ รวมถึงได้แรงหนุนจากนโยบายการคลังและการเงิน ทำให้เอื้อต่อการเติบโต และเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดหุ้นอินเดียสามารถฟื้นตัวในวงกว้าง
• แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงในช่วงปี 2025–2026 จะช่วยลดภาระต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจ และกระตุ้นทั้งการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ ส่งผลบวกโดยตรงต่อหุ้นกลุ่ม Domestic plays โดยเฉพาะ Financials, Industrials และ Consumer ซึ่งมีน้ำหนักสูงในดัชนี MSCI India
• ตลาดหุ้นอินเดียยังอยู่ในภาวะ Underowned จากนักลงทุนต่างชาติ โดยถูกถือครองในสัดส่วนต่ำโดยนักลงทุนต่างชาติเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 20 ปี ขณะเดียวกันตลาดมีสัดส่วนหุ้นเทคโนโลยีและ AI ไม่สูง (เพียง 11%) จึงช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวและระดับ Valuation ที่แพงของหุ้น AI ทำให้หุ้นอินเดียมีบทบาทเป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยง (Diversification play) ที่น่าสนใจในพอร์ตการลงทุน
Technical
• ราคาของ NDIA ETF เคลื่อนไหวใน Uptrend channel ระยะกลาง และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน (200 SMA) บ่งชี้ว่าแนวโน้มหลักในระยะกลางยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น
• Relative price ระหว่างตลาดหุ้นอินเดียกับตลาดหุ้น EM และ Asia ex Japan ปรับตัวลงมาใกล้ระดับแนวรับสำคัญ หลังจากตลาดหุ้นอินเดีย underperform เมื่อเทียบกับ EM และ Asia ex Japan อย่างมีนัยสำคัญในปี 2025 สะท้อนว่า downside เชิงเปรียบเทียบเริ่มจำกัด และเปิดโอกาสให้เกิด rotation ของกระแสเงินลงทุน กลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอินเดียในระยะถัดไป
โดยสรุป เราประเมินว่าตลาดหุ้นอินเดียมีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะกลางมากกว่า 6 เดือน จากปัจจัยเชิงโครงสร้างและนโยบายของภาครัฐ รวมถึงแนวโน้มการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งในปี 2026 ขณะที่ระดับ Valuation ได้ผ่อนคลายลงมาอยู่ใกล้ค่าเฉลี่ย เพิ่มความน่าสนใจเชิง risk–reward
กองทุนแนะนำ: K-INDX กองทุนดัชนีหุ้นอินเดีย MSCI India
คัดจาก Universe กองทุนรวมที่ลงทุนแบบ Passive ในหุ้นอินเดียและมีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน มีทั้งหมด 2 กองทุน โดยเรามีแนวทางการคัดเลือกดังนี้
1.พิจารณากองทุนหลักที่มีสัดส่วนการลงทุนแบบ Passive Management โดยมีทั้ง 2 กองทุนหลัก และมีรายละเอียดกองทุนดังนี้
Source: iShares, KASSET and SCBAM as of 28 Nov 2025
2.คัดเลือกกองทุนที่มีการกระจายตัวในหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลาง โดยอ้างอิงกลยุทธ์การลงทุนที่เชื่อว่าตลาดจะฟื้นตัวในภาพรวม ไม่เพียงแค่กระจุกตัวในหุ้นกลุ่มตัวใหญ่ แต่มีการกระจายตัวมาหุ้นขนาดกลางด้วย โดยหนุนจากนโยบายการเงินและการคลัง จึงคัดเลือกกองทุน K-INDX เป็นตัวเลือกในการลงทุน
สรุปจุดเด่นของกองทุน K-INDX
กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นอินเดีย (K-INDX) เป็นกองทุนในกลุ่ม India Equity ที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก iShares MSCI India UCITS ETF ซึ่งมีนโยบายลงทุนแบบเชิงรับ (Passive) โดยอ้างอิงดัชนี MSCI India Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ครอบคลุมหุ้นอินเดียขนาดกลาง-ใหญ่ โดยประกอบไปด้วยหุ้นมากกว่า 160 บริษัท ครอบคลุมราว 85% ของ universe หุ้นอินเดีย ทั้งนี้ ดัชนีถูกจัดทำโดย MSCI ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดทำดัชนีชั้นนำของโลก
(Disclaimer: กองทุน K-INDX มีการเปลี่ยนแปลงกองทุนหลักจาก iShares India 50 ETF มาสู่ iShares MSCI India UCITS ETF ณ วันที่ 30 Jun 2025)
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI India จะกำหนดน้ำหนักหุ้นตามมูลค่าตลาด (Market Capitalization) ที่ปรับแล้ว (float-adjusted) เพื่อสร้างดัชนีหุ้นอินเดียที่มีการกระจายตัวที่ดี และไม่กระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว โดยกองทุนหลัก iShares MSCI India UCITS ETF (NDIA:LN) เป็นกองทุน ETF ที่ติดตามผลการดำเนินงานของดัชนี MSCI India บริหารโดย BlackRock ผ่านแบรนด์ iShares ซึ่งเป็นผู้จัดการ ETF รายใหญ่ที่สุดในโลก โดย NDIA ETF ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 2018
5 กลุ่มอุตสาหกรรมแรกที่พอร์ตการลงทุนถืออยู่ (Update as of Nov 2025)
Source: iShares
ตัวอย่างหุ้น 5 ตัวแรกที่พอร์ตการลงทุนถืออยู่ (Update as of Nov 2025)
Source: iShares
ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนหลัก
กองทุน iShares MSCI India UCITS ETF มีผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง (as of 30 Nov 2025) ดังนี้
Source: Morningstar
คำเตือน: กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บล.อินโนเวสท์ เอกซ์