Keyword
PDF Available  
Macro Making Sense

INVX ปรับเป้าเงินเฟ้อไทยปี 68 เป็น -0.12% ถาม-ตอบวิกฤตการเมือง-การคลังฝรั่งเศส

By ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์|7 Oct 25 7:53 AM
สรุปสาระสำคัญ

สรุประเด็นเงินเฟ้อไทยหดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน INVX ปรับประมาณการเงินเฟ้อปีนี้ลงเหลือหดตัว -0.12%YoY วิกฤตการเมือง-การคลังฝรั่งเศส

  • ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ของไทยเดือน ก.ย. หดตัว -0.72% YoY หดตัวมากกว่าที่เราและตลาดคาดที่ -0.6% โดยหดตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อนที่ -0.79% โดยปัจจัยฉุดเงินเฟ้อหลัก ได้แก่ ราคาพลังงาน (น้ำมันเชื้อเพลิง และค่าไฟฟ้า) ที่ลดลงจากราคาน้ำมันโลกและมาตรการลดค่า Ft, ราคาผักสด ผลไม้สด และไข่ไก่ ที่ลดลงจากผลผลิตที่ออกมากตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ขยายตัว 0.65% ชะลอตัวจากเดือนก่อนที่ 0.81%
  • เราปรับประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2025 จากเดิมที่ 0.25% เหลือ -0.12%YoY โดยคาดว่าเงินเฟ้อมีโอกาสที่จะหดตัวในช่วงที่เหลือของปี จาก (1) Momentum ราคาพลังงานในตลาดโลก ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำหรือลดลงต่อเนื่อง ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะชะลอตัวลง และส่งผลให้ราคาค้าปลีกน้ำมันในประเทศชะลอตัว (2) การแข่งขันด้านราคาที่ยังรุนแรงและกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้า (3) ต้นทุนการผลิตที่ลดลงตามราคาสินค้ากึ่งสำเร็จรูป โดยเฉพาะสินค้าจากจีนที่ราคาส่งออกยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิตสามารถตรึงราคาสินค้าได้ต่อเนื่องทั้งนี้ รวมถึงสินค้าสำเร็จรูปที่มาจากจีนจากการเคลื่อนย้ายตลาดเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากนโยบายภาษี (4) ราคาผักและผลไม้ที่ลดลงจากผลผลิตที่ออกมามากในปีนี้ รวมถึงราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับลดลงมากกว่าคาด กดดันเงินเฟ้อในหมวดอาหารสด (5) มาตรการการลดค่าครองชีพของรัฐบาลที่ออกมาอย่างต่อเนื่องทั้งการลดค่า Ft งวด ก.ย.–ธ.ค. เหลือ 15.72 สตางค์ และการลดราคาขายน้ำมันเบนซินและดีเซลล์ลิตรละ 50 สตางค์
  • เงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ 1–3% อย่างชัดเจน INVX มองว่า ธปท. มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้ง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นการประชุมในเดือน ธ.ค. ลงสู่ระดับ 1.25% ต่อปี เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนทางการเงินและพยุงเศรษฐกิจท่ามกลางอุปสงค์ภายในที่เปราะบาง ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินอาจส่งสัญญาณเริ่มลดดอกเบี้ยในวันที่ 8 ต.ค. ผ่านการลงมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์
  • วิกฤตการเมือง-การคลังฝรั่งเศส ฝรั่งเศสจมอยู่ในวิกฤตการเมืองรุนแรงหลังนายกรัฐมนตรี เซบาสเตียน เลอกองนู (Sébastien Lecornu) ลาออกเมื่อวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2025 เพียง 24 ชั่วโมงหลังประกาศคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทุกฝ่ายว่ายังคงใช้รัฐมนตรีเดิมส่วนใหญ่และไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามที่คาดหวัง โดยเฉพาะการแต่งตั้ง Bruno Le Maire พันธมิตรสนิทของ Macron กลับมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ทำให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลฝรั่งเศสร่วงลงและส่วนต่างเมื่อเทียบกับพันธบัตรเยอรมนีพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2024 ขณะนี้ประธานาธิบดีมาครง (Macron) ต้องตัดสินใจว่าจะแต่งตั้งนายกฯ คนใหม่ ยุบสภา หรือลาออกเอง ท่ามกลางกำหนดเวลายื่นงบประมาณที่จะครบในวันที่ 13 ตุลาคม และหากไม่สามารถผ่านงบประมาณได้ การขาดดุลของฝรั่งเศสอาจพุ่งขึ้นเป็น 6% ของ GDP แทนที่จะลดลงเหลือ 4.6% ตาม ทั้งนี้ เรามองว่า ฝรั่งเศสจำเป็นต้องมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพเร็วที่สุด มิฉะนั้นอาจเผชิญวิกฤตการเงินที่รุนแรงขึ้นได้
Author
Slide3
ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์

หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ

Most Read
1/5
Related Articles
Most Read
1/5