สรุปสาระสำคัญ
โทนการประชุม: เป็นบวกเล็กน้อย
- ผู้บริหารคาดว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 4/2568 จะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากอัตราการใช้บริการ FSU ลดลงจากระดับที่สูงผิดปกติในไตรมาส 3/2568 อีกทั้งมีเรือ VLCC ถูกหยุดใช้งานเป็นเวลา 28 วันเพื่อเข้ารับการซ่อมบำรุง (drydocking)
- รายได้ของกลุ่มธุรกิจ PCT คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หลังสิ้นสุดฤดูมรสุมในไตรมาส 3/2568 และมีการปรับเส้นทางเรือจากกัมพูชาไปยังตลาดใหม่ เช่น ฟิลิปปินส์และติมอร์ รวมถึงความต้องการตามฤดูกาลจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
- PRM จะรับรู้รายได้อื่นจากการเคลื่อนย้ายเรือที่พักอาศัย (Accommodation Work Barge: AWB) ซึ่งเกิดขึ้นในไตรมาส 1/2568 มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท สัญญาระยะยาวของ AWB จำนวน 2 ลำได้รับการต่อสัญญาพร้อมปรับเพิ่มอัตราค่าระวาง 5-20%
- ผู้บริหารยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจ OSV ในตะวันออกกลาง เนื่องจากความต้องการสูงและอุปทานใหม่มีจำกัด ซึ่งช่วยเสริมความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าปัจจุบัน เช่น ADNOC และ NMDC (ผู้รับเหมา EPC อันดับ 1 ในตะวันออกกลาง)
- PRM มีแผนขยายกองเรือในกลุ่ม OSV รวมถึง AWB, AHTS (Anchor Handling Tug Supply vessel) และเรือรับส่งลูกเรือ
- แผนลงทุนปี 2569 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 2.2 พันล้านบาทในปี 2568 เพื่อจัดซื้อกองเรือใหม่ รวมถึงเรือ PCT สร้างใหม่ 3 ลำ
- ปริมาณการซ่อมบำรุง (drydock) จะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จาก 20 ลำในปี 2568 เหลือเพียง 13 ลำในปี 2569 โดยไม่มีการซ่อมบำรุงสำหรับเรือบรรทุกน้ำมันดิบ (COC) กำลังรอการหารือกับ TOP เพื่อรองรับแผน COD ของโครงการ CFP
คงคำแนะนำ OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมาย 9 บาท/หุ้น โดยคาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายกองเรือ