1.ฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ร่วง รับเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี พร้อมกับความกังวลค่าใช้จ่าย AI ที่สูงลิ่ว
2.Black Friday ยอดใช้จ่ายออนไลน์ทุบสถิติใหม่ $11.8 พันล้าน เครื่องมือ AI หนุนการซื้อ
3.ราคาน้ำมันดีด OPEC+ คงกำลังผลิตใน Q1/26 ส่วนสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังกดดันอุปทาน
4.BOJ "Ueda" แย้มพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม ธ.ค. สวนทางรัฐบาล
5.PMI ภาคการผลิตจีนหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 สะท้อนดีมานด์โลกซบเซา
6.SET ฟื้น +1.58% พลังงานและ Domestic Plays หนุนดัชนีขึ้น หลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย
🌙 เรื่องต้องรู้ก่อนเทรดคืนนี้ 1 ธันวาคม 2568
1. ฟิวเจอร์ส Dow ลดลง 0.5%, S&P 500 Futures ลดลง 0.6% และ Nasdaq 100 Futures ลดลง 0.7% ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดหลักวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้ว่าดัชนีหลักจะทำกำไรรายสัปดาห์ได้มากกว่า 3% แต่ดัชนี Nasdaq Composite กลับปิดเดือนพฤศจิกายนด้วยการลดลง 1.51% ซึ่งตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่สูงเกินไป และการใช้จ่ายจำนวนมหาศาล (ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นการกู้ยืม) เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI การที่ตลาดฟิวเจอร์สสินค้าโภคภัณฑ์หยุดชะงักชั่วคราวเนื่องจากปัญหาทางเทคนิคของ CME Group เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ก็เป็นอีกปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้กับการซื้อขาย
2. แม้ผู้บริโภคสหรัฐฯ จะเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบเจ็ดเดือน แต่การใช้จ่ายออนไลน์ในวัน Black Friday ก็ยังพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยผู้ซื้อใช้จ่ายออนไลน์สูงถึง 11,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 9.1% จากปีก่อนหน้า ข้อมูลจาก Adobe Analytics ชี้ว่าการเข้าชมเว็บไซต์ค้าปลีกของสหรัฐฯ ที่ขับเคลื่อนด้วย เครื่องมือ AI เติบโตขึ้นกว่า 800% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของ AI ในการช่วยผู้บริโภคเปรียบเทียบราคาและค้นหาส่วนลด ข้อมูลจาก Mastercard SpendingPulse ยังแสดงให้เห็นว่ายอดขายอีคอมเมิร์ซพุ่งขึ้น 10.4% ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคยังคงมีกำลังซื้อแม้เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว
3. ราคาน้ำมันปรับขึ้นมากกว่า 1% ในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการที่กลุ่ม OPEC+ ยืนยันแผนการ คงกำลังผลิตน้ำมันไว้ตลอดไตรมาสแรกของปี 2569 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ระมัดระวังเพื่อรับมือกับแนวโน้มความต้องการที่ไม่สม่ำเสมอและอุปทานส่วนเกินที่อาจเกิดขึ้น ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 1.92% แตะ $63.57 ต่อบาร์เรล และ WTI เพิ่มขึ้น 2.12% แตะ $59.76 ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากความกังวลเรื่องอุปทาน หลังจากมีรายงานการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซียเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้การขนถ่ายน้ำมันดิบที่ท่าเรือ Novorossiysk ต้องหยุดชะงัก
4. ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจาก Kazuo Ueda ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แย้มว่าคณะกรรมการนโยบายอาจพิจารณาถึง "ข้อดีข้อเสีย" ของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 18–19 ธันวาคมนี้ Ueda ยังกล่าวเป็นนัยว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ Sanae Takaichi ซึ่งสนับสนุนนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย อาจไม่ได้คัดค้านการขึ้นดอกเบี้ยอย่างชัดเจน ซึ่งการตีความท่าทีนี้ว่าเป็น Hawkish (เข้มงวด) ได้เพิ่มความคาดหวังว่า BOJ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยกเลิกอัตราดอกเบี้ยติดลบเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
5. รายงานข้อมูลภาคการผลิตทั่วเอเชียแสดงให้เห็นถึงภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง โดย PMI ภาคการผลิตของจีน หดตัวเป็นเดือนที่แปดติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ภายในประเทศที่ซบเซาและคำสั่งซื้อจากภายนอกที่อ่อนแอเนื่องจากแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ภาคการผลิตของ ญี่ปุ่น ก็หดตัวเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกัน เช่นเดียวกับ เกาหลีใต้ ที่ PMI ยังคงหดตัว ข้อมูลเหล่านี้ตอกย้ำว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและภูมิภาคยังคงไม่สม่ำเสมอ แม้จะมีความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลก็ตาม
6. SET Index ปิดวันนี้ที่ 1,276.57 จุด เพิ่มขึ้น 19.88 จุด (+1.58%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 36,422.92 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาค โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยภายในประเทศที่สำคัญ คือสถานการณ์ น้ำท่วมในจังหวัดสงขลาและภาคใต้ตอนล่างคลี่คลายลง และรัฐบาลมีการเร่งออกมาตรการฟื้นฟู ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในการลงทุน นอกจากนี้ การที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมาก ทำให้มีแรงซื้อจากต่างชาติเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแรงหนุนให้ดัชนีปรับขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียที่ปิดบวกกันเกือบทั้งหมด
-----
ที่มา: Investing.com และ InnovestX Research
แปลและเรียบเรียง: Content Team, InnovestX
ดาวน์โหลดแอป InnovestX วันนี้ เพื่อเข้าถึงโอกาสการลงทุนในหุ้นสหรัฐและตลาดทั่วโลก
📱 ดาวน์โหลดแอป: https://innovestx.onelink.me/23if/2jlpsi7b
